SEO กับขนาดธุรกิจ ขนาดต่าง ๆ เหมือนกันหรือไม่ ต่างกันอย่างไร บทความนี้ มีคำตอบ
การทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง (SME) หรือธุรกิจขนาดเล็ก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงออนไลน์และสร้างการรับรู้ในตลาด อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ SEO ที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามขนาดของธุรกิจและเป้าหมายทางการตลาด
สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ การทำ SEO มักเน้นการขยายการเข้าถึงในระดับนานาชาติ โดยใช้เทคนิคที่ซับซ้อน เช่น การสร้างเนื้อหาหลายภาษาและการจัดการลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีอำนาจสูง
ในขณะที่ธุรกิจขนาดกลางจะมุ่งเน้นที่การปรับปรุงการมองเห็นในระดับประเทศหรือภูมิภาค โดยอาจใช้คีย์เวิร์ดเฉพาะกลุ่มที่ตรงกับตลาดเป้าหมาย
ในทางกลับกัน ธุรกิจขนาดเล็กมักจะเน้นที่การทำ Local SEO เพื่อดึงดูดลูกค้าในพื้นที่ โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและการจัดการ Google My Business อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความนี้จะนำเสนอความเหมือนและความแตกต่างในการทำ SEO สำหรับธุรกิจแต่ละขนาด โดยเน้นถึงกลยุทธ์ที่ควรพิจารณา และแนวทางการปรับใช้ที่เหมาะสม เพื่อให้ธุรกิจสามารถใช้ SEO เป็นเครื่องมือในการเติบโตและประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ


มาเริ่มต้นด้วยทำความรู้จักความหมายของ “ขนาดธุรกิจ” ทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
1. ขนาดธุรกิจของเรา ขนาดไหน?
การแบ่งขนาดธุรกิจในประเทศไทยมักใช้เกณฑ์ที่กำหนดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ วิสาหกิจรายย่อย (Micro), วิสาหกิจขนาดย่อม (Small) และวิสาหกิจขนาดกลาง (Medium) แต่หากมองในมุมขนาดทางอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมได้กำหนดเกณฑ์ในการจัดอุตสาหกรรม เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กลาง หรือ เล็กนั้นมีหลายวิธี แต่โดยทั่วไปจะใช้ จำนวนพนักงานงาน (ขนาดการจ้างงาน) จำนวนเงินลงทุน มูลค่าทรัพย์สิน จำนวนยอดขาย หรือรายได้เป็นเกณฑ์ เป็นต้น

ธุรกิจแต่ละขนาด อาจแบ่งได้หลายแบบ จากหลาย ๆ ปัจจัย เพื่อเหตุผลบางอย่าง หรือหลาย ๆ อย่าง ธุรกิจของท่าน จัดว่าอยู่ในขนาดใด สามารถดูได้จากตารางนี้ เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มของการทำ SEO กับขนาดธุรกิจ ให้เหมาะสม
ตารางแสดงความหมายและตัวอย่างของธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง (SME) และขนาดเล็ก
| ประเภทธุรกิจ | ความหมาย | ตัวอย่างธุรกิจ |
|---|---|---|
| ธุรกิจขนาดใหญ่ | ธุรกิจที่มีจำนวนพนักงานมากกว่า 250 คนขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ในแต่ละประเทศ) และมีรายได้สูงมาก สามารถดำเนินงานในระดับประเทศหรือนานาชาติได้ โครงสร้างองค์กรซับซ้อน มีหลายแผนกและฝ่าย | – บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Google, Apple, Microsoft – บริษัทน้ำมันและพลังงาน เช่น ExxonMobil, Shell, ปตท.ฯ – เครือโรงแรมขนาดใหญ่ เช่น Marriott, Hilton |
| ธุรกิจขนาดกลาง (SME) | ธุรกิจที่มีจำนวนพนักงานระหว่าง 50-250 คน (ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละประเทศ) มีรายได้ปานกลาง มุ่งเน้นการดำเนินงานในระดับประเทศหรือภูมิภาค แต่ยังสามารถขยายตัวไปยังตลาดอื่น ๆ ได้ มีโครงสร้างองค์กรที่ยืดหยุ่นมากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ | – บริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ท้องถิ่น – ธุรกิจค้าส่ง เช่น ตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค – บริษัทออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชัน – โรงงานผลิตอาหารหรือเครื่องดื่มที่จำหน่ายในระดับประเทศ |
| ธุรกิจขนาดเล็ก | ธุรกิจที่มีจำนวนพนักงานน้อยกว่า 50 คน (ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละประเทศ) และมักมีรายได้ต่ำกว่าเน้นการให้บริการหรือขายสินค้าในพื้นที่ท้องถิ่น มีโครงสร้างองค์กรที่เรียบง่ายและความคล่องตัวสูง | – ร้านกาแฟท้องถิ่น – ร้านขายของชำในชุมชน – ร้านอาหารขนาดเล็ก – ธุรกิจช่างซ่อมรถยนต์ – ร้านทำผมและร้านเสริมสวยในท้องถิ่น |
สรุปความหมายของขนาดธุรกิจแบบสั้น ๆ
- ธุรกิจขนาดใหญ่: มีทรัพยากรและความสามารถในการดำเนินการที่กว้างขวาง เช่น บริษัทข้ามชาติหรือแบรนด์ระดับโลก
- ธุรกิจขนาดกลาง (SME): เป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตและขยายตัวได้ มีขนาดใหญ่กว่าธุรกิจขนาดเล็ก แต่ยังคงมีข้อจำกัดในแง่ของทรัพยากรเมื่อเทียบกับธุรกิจขนาดใหญ่
- ธุรกิจขนาดเล็ก: เน้นการให้บริการในชุมชนหรือพื้นที่ท้องถิ่น มีความคล่องตัวและง่ายต่อการจัดการ
การแบ่งขนาดธุรกิจในประเทศไทยมักใช้เกณฑ์ที่กำหนดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ วิสาหกิจรายย่อย (Micro), วิสาหกิจขนาดย่อม (Small) และวิสาหกิจขนาดกลาง (Medium) โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1. วิสาหกิจรายย่อย (Micro)
- รายได้: ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
- จำนวนพนักงาน: ไม่เกิน 5 คน
2. วิสาหกิจขนาดย่อม (Small)
กิจการที่เกี่ยวข้องกับการผลิต
- รายได้: ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปี
- จำนวนพนักงาน: ไม่เกิน 50 คน
กิจการที่เกี่ยวข้องกับการค้า
- รายได้: ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี
- จำนวนพนักงาน: ไม่เกิน 30 คน
กิจการที่เกี่ยวข้องกับการบริการ
- รายได้: ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี
- จำนวนพนักงาน: ไม่เกิน 30 คน
3. วิสาหกิจขนาดกลาง (Medium)
กิจการที่เกี่ยวข้องกับการผลิต
- รายได้: ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี
- จำนวนพนักงาน: ไม่เกิน 200 คน
กิจการที่เกี่ยวข้องกับการค้า
- รายได้: ไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อปี
- จำนวนพนักงาน: ไม่เกิน 100 คน
กิจการที่เกี่ยวข้องกับการบริการ
- รายได้: ไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อปี
- จำนวนพนักงาน: ไม่เกิน 100 คน
ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถระบุประเภทของธุรกิจตนเองและเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่รัฐบาลจัดให้สำหรับธุรกิจ SME
เมื่อเรารู้ความหมายและตัวอย่างแล้ว เรามาดูการเปรียบเทียบมิติต่าง ๆ ที่ใช้แบ่งขนาดธุรกิจกัน ก่อนที่จะพูดถึง SEO กับขนาดธุรกิจ
ตารางเปรียบเทียบระหว่างธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง (SME) และขนาดเล็ก
| หัวข้อ | ธุรกิจขนาดใหญ่ | ธุรกิจขนาดกลาง (SME) | ธุรกิจขนาดเล็ก |
|---|---|---|---|
| จำนวนพนักงาน (Number of Employees) | มากกว่า 250 คน (ขึ้นอยู่กับประเทศและอุตสาหกรรม) | ประมาณ 50-250 คน (ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ในแต่ละประเทศ) | น้อยกว่า 50 คน (ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละประเทศ) |
| รายได้ (Revenue) | รายได้สูงมาก มักเกินกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ | รายได้ปานกลาง มักอยู่ในช่วง 10-100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ | รายได้ต่ำกว่า มักไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ |
| โครงสร้างองค์กร (Organizational Structure) | ซับซ้อน มีหลายระดับชั้นและแผนกมากมาย | โครงสร้างองค์กรที่ยืดหยุ่นกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ | โครงสร้างองค์กรง่าย มีการจัดการที่เรียบง่าย |
| ขอบเขตการดำเนินงาน (Scope of Operations) | ระดับประเทศหรือระดับสากล มักมีสาขาในหลายประเทศ | มุ่งเน้นในประเทศ อาจมีการขยายไปต่างประเทศบ้าง | ส่วนใหญ่ดำเนินการในท้องถิ่นหรือในภูมิภาค |
| งบประมาณและทรัพยากร (Budget and Resources) | งบประมาณและทรัพยากรมาก มีทุนในการลงทุนและขยายกิจการ | งบประมาณปานกลาง มีข้อจำกัดแต่ยังสามารถขยายธุรกิจได้ | งบประมาณน้อย ต้องใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด |
| ตลาดเป้าหมาย (Target Market) | ตลาดกว้างระดับประเทศหรือระดับสากล | ตลาดระดับประเทศหรือภูมิภาค | ตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือมุ่งเน้นที่ท้องถิ่น |
| การทำการตลาด (Marketing Strategy) | ใช้งบประมาณในการทำการตลาดสูง เช่น โฆษณาทางโทรทัศน์, การตลาดระดับสากล | ใช้การตลาดที่มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจงกว่า | มักใช้การตลาดท้องถิ่น เช่น การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย |
| ความคล่องตัว (Agility) | ความคล่องตัวต่ำ ปรับตัวช้าเนื่องจากขนาดใหญ่และระบบซับซ้อน | ปรับตัวได้ดีขึ้นกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ยังมีข้อจำกัด | คล่องตัวมาก ปรับตัวกับตลาดและสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว |
| เทคโนโลยี (Technology Adoption) | มีงบประมาณเพียงพอในการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และระบบ IT ซับซ้อน | มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในระดับปานกลาง อาจใช้ SaaS หรือเทคโนโลยีมาตรฐาน | มักใช้เทคโนโลยีที่เรียบง่าย เน้นการประหยัดต้นทุน |
| ศักยภาพการเติบโต (Growth Potential) | มีศักยภาพในการเติบโตสูง ทั้งภายในประเทศและขยายไปต่างประเทศ | มีศักยภาพในการเติบโตในระดับประเทศและภูมิภาค | การเติบโตจำกัดที่ขนาดเล็กหรือในพื้นที่ท้องถิ่น |
| การเข้าถึงเงินทุน (Access to Capital) | มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ได้ง่าย | เข้าถึงเงินทุนได้บ้างจากธนาคารหรือสถาบันการเงินขนาดกลาง | มีข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินทุน มักพึ่งพาสินเชื่อขนาดเล็ก |
| นโยบายการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) | มีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ซับซ้อน | มีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในระดับปานกลาง | การจัดการความเสี่ยงไม่ซับซ้อนมาก แต่คล่องตัวในวิธีการปรับตัว |
| การสนับสนุนจากรัฐบาล (Government Support) | อาจไม่ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากรัฐบาลมากเท่าธุรกิจขนาดเล็ก | ได้รับการสนับสนุนจากโครงการสำหรับ SME | ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากโครงการของรัฐบาลหรือหน่วยงานท้องถิ่น |
| การจ้างงาน (Employment Opportunities) | จ้างงานจำนวนมาก ครอบคลุมหลากหลายแผนก | จ้างงานในระดับปานกลาง ส่วนใหญ่จะเป็นงานเฉพาะด้าน | จ้างงานจำนวนน้อย มักเน้นที่งานที่จำเป็นเท่านั้น |
2. SEO กับขนาดธุรกิจ ในระดับต่าง ๆ
เมื่อเรารู้เรื่องขนาดธุรกิจแล้ว ประเด็นสำคัญต่อมาคือ การวิเคราะห์การทำ SEO กับขนาดธุรกิจ ขนาดต่าง ๆ ว่ามีความเหมือน ความแต่งต่างกันอย่างไร แล้วธุรกิจของเรา ๆ ท่าน ๆ ควรใช้แบบใดจึงจะเหมาะสม
เริ่มที่การเปรียบเทียบธุรกิจทั้ง 3 ขนาด (เล็ก กลาง ใหญ่) กับมิติต่าง ๆ ของการทำ SEO กับขนาดธุรกิจ นั้น ๆ
ตารางเปรียบเทียบการทำการตลาดด้วย SEO กับขนาดธุรกิจ สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง (SME) และธุรกิจท้องถิ่น (Local Business)
| หัวข้อเปรียบเทียบ | ธุรกิจขนาดใหญ่ | ธุรกิจขนาดกลาง (SME) | ธุรกิจท้องถิ่น (Local Business) |
|---|---|---|---|
| เป้าหมายทางการตลาด (Marketing Goals) | เน้นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศหรือนานาชาติ และขยายการเข้าถึงตลาดทั่วโลก | ต้องการเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าในประเทศหรือตลาดภูมิภาค | ต้องการดึงดูดลูกค้าในพื้นที่หรือชุมชนที่ธุรกิจตั้งอยู่ |
| ขอบเขตของ SEO (SEO Scope) | ครอบคลุมทั้งการทำ SEO ในระดับประเทศและนานาชาติ รวมถึง SEO สำหรับหลายภาษาและตลาดต่างประเทศ | มุ่งเน้นที่การทำ SEO ในประเทศ อาจเน้นบางภูมิภาคภายในประเทศ | มุ่งเน้นการทำ SEO ในระดับท้องถิ่น หรือ Local SEO เพื่อดึงดูดลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียง |
| คีย์เวิร์ด (Keyword Strategy) | ใช้คีย์เวิร์ดทั่วไปและคำค้นหาหลากหลายที่ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่คีย์เวิร์ดสากลไปจนถึงคำค้นหาที่เฉพาะเจาะจง | มักใช้คีย์เวิร์ดที่เน้นตลาดเฉพาะหรือเฉพาะกลุ่มในประเทศ เน้นการใช้คีย์เวิร์ด long-tail ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น | ใช้คีย์เวิร์ดท้องถิ่น เช่น “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” หรือ “ช่างซ่อมรถในย่าน X” |
| เครื่องมือ SEO (SEO Tools) | ใช้เครื่องมือ SEO ที่มีความซับซ้อน เช่น Ahrefs, SEMrush, Moz รวมถึงเครื่องมือที่พัฒนาเองเพื่อวิเคราะห์ตลาดหลายประเทศ | ใช้เครื่องมือ SEO ระดับมาตรฐาน เช่น SEMrush, Moz, Google Search Console เพื่อปรับปรุง SEO ภายในประเทศ | มักใช้ Google My Business (GMB), Moz Local, และเครื่องมือ Citation Building เพื่อสร้าง Local SEO |
| การสร้างลิงก์ (Link Building) | มุ่งเน้นการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีอำนาจสูงในระดับประเทศและนานาชาติ รวมถึงเว็บไซต์ข่าว, บล็อก, และสื่อชั้นนำ | เน้นการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องในประเทศ และเว็บไซต์ท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่มีอำนาจปานกลาง | มุ่งเน้นการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ท้องถิ่น, ไดเรกทอรีท้องถิ่น, และองค์กรในชุมชน |
| เนื้อหา (Content Creation) | เนื้อหาที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งบทความในบล็อก, คำแนะนำการใช้สินค้า, วิดีโอ, และการสัมมนาออนไลน์ (webinars) | เน้นการสร้างเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับตลาดเป้าหมายในประเทศ เช่น บทความความรู้และรีวิวสินค้า | เน้นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและพื้นที่ เช่น บทความเกี่ยวกับเหตุการณ์ในท้องถิ่น, รีวิวจากลูกค้าในพื้นที่ |
| การตลาดเชิงท้องถิ่น (Local SEO) | อาจไม่ได้เน้น Local SEO มากนัก แต่จะใช้ SEO ระดับนานาชาติและการโฆษณาในหลายภูมิภาคทั่วโลก | ใช้ Local SEO ในบางกรณี หากต้องการเน้นที่ตลาดเฉพาะภูมิภาค หรือการขยายสาขาในพื้นที่ | Local SEO เป็นกลยุทธ์หลัก เพื่อดึงดูดลูกค้าในท้องถิ่นโดยตรง |
| การจัดการรีวิว (Review Management) | การจัดการรีวิวมุ่งเน้นไปที่แพลตฟอร์มระดับสากล เช่น Trustpilot, Google Reviews, Yelp | ใช้รีวิวจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในประเทศ เช่น Google Reviews, Facebook | มุ่งเน้นการจัดการรีวิวใน Google My Business, และรีวิวในแพลตฟอร์มท้องถิ่น |
| โครงสร้างเว็บไซต์ (Website Structure) | มีโครงสร้างเว็บไซต์ที่ซับซ้อน รองรับหลายภาษาหรือการตลาดในหลายประเทศ โดยใช้ SEO ในทุกหน้าเว็บไซต์ | มีโครงสร้างที่เป็นมาตรฐาน แต่สามารถขยายได้ง่ายในระดับภูมิภาคภายในประเทศ | โครงสร้างเว็บไซต์เรียบง่าย เน้นการใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับการค้นหาในพื้นที่ |
| การใช้ Google My Business (GMB) | ใช้ GMB ในระดับที่จำกัด หรือไม่เน้นมาก เนื่องจากมีการขยายธุรกิจทั่วโลก | อาจใช้ GMB หากต้องการเจาะตลาดเฉพาะในบางภูมิภาคภายในประเทศ | ใช้ GMB อย่างเต็มที่เพื่อปรากฏในผลการค้นหาและแผนที่ในพื้นที่ท้องถิ่น |
| งบประมาณการทำ SEO (SEO Budget) | งบประมาณสูงมาก สามารถลงทุนในทุกด้านของ SEO เช่น การสร้างเนื้อหา, การวิเคราะห์ข้อมูล และการทำโฆษณาเสริม | งบประมาณปานกลาง เน้นการทำ SEO ที่คุ้มค่าและเพิ่มยอดขายภายในประเทศ | งบประมาณต่ำกว่า เน้นการทำ Local SEO และการตลาดออนไลน์ที่ประหยัด |
| การวัดผล (Metrics & KPIs) | วัดผลจากทราฟฟิกทั่วโลก, การจัดอันดับในตลาดที่แตกต่างกัน, และ Conversion จากลูกค้าทั่วโลก | วัดผลจากทราฟฟิกในประเทศ, การจัดอันดับใน Google สำหรับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ | วัดผลจากทราฟฟิกท้องถิ่น, การคลิกโทรหาธุรกิจ, การดูแผนที่ และการเยี่ยมชมหน้าร้าน |
| การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) | ใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุม เช่น การป้องกันการลงโทษจาก Google (Google Penalties) | เน้นการป้องกันข้อผิดพลาด SEO พื้นฐาน เช่น Duplicate Content และการละเมิดข้อกำหนด | มุ่งเน้นการรักษาความน่าเชื่อถือในพื้นที่ผ่านรีวิวที่ดีและการบริการที่มีคุณภาพ |
สรุปคือ SEO กับขนาดธุรกิจต่าง ๆ มีจุดเน้นที่แตกต่างกัน คือ
- ธุรกิจขนาดใหญ่: ใช้กลยุทธ์ SEO ในระดับสากล เน้นการขยายการตลาดและการเข้าถึงลูกค้าหลายประเทศ มีงบประมาณสูง และใช้เทคนิค SEO ที่ซับซ้อน
- ธุรกิจขนาดกลาง (SME): เน้นการทำ SEO ในระดับประเทศหรือภูมิภาค มีความยืดหยุ่นในการปรับใช้เทคนิค SEO ที่คุ้มค่า โดยเฉพาะคีย์เวิร์ดเฉพาะกลุ่ม
- ธุรกิจท้องถิ่น (Local Business): Local SEO เป็นหัวใจสำคัญ มุ่งเน้นการดึงดูดลูกค้าในพื้นที่ผ่าน GMB, การสร้างลิงก์ท้องถิ่น และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับชุมชน
3. แผนการทำ SEO กับขนาดธุรกิจระดับต่าง ๆ
แผนการตลาดด้าน SEO สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง (SME) และธุรกิจท้องถิ่น (Local Business) มีความแตกต่างกันในหลายด้าน เช่น งบประมาณ ทีมงาน และ กลยุทธ์ ซึ่งมีความแตกต่างกันในรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ตารางเปรียบเทียบแผนการตลาดด้าน SEO สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง (SME) และธุรกิจท้องถิ่น (Local Business)
| ประเด็น | ธุรกิจขนาดใหญ่ | ธุรกิจขนาดกลาง (SME) | ธุรกิจท้องถิ่น (Local Business) |
|---|---|---|---|
| งบประมาณ | – งบประมาณสูง (หลักแสนถึงหลักล้านบาทต่อเดือน) – ลงทุนในเครื่องมือขั้นสูง เช่น Ahrefs, SEMrush, Moz – มีงบสำหรับจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และบริษัทเอเจนซี่ | – งบประมาณปานกลาง (หลักหมื่นถึงแสนบาทต่อเดือน) – ใช้เครื่องมือ SEO พื้นฐานหรือสมัครใช้บริการเฉพาะที่จำเป็น – จ้างทีมภายนอกหรือใช้ทีมภายในบางส่วน | – งบประมาณต่ำ (หลักพันถึงหมื่นบาทต่อเดือน) – ใช้เครื่องมือ SEO ฟรี หรือราคาประหยัด เช่น Google Analytics, Google Search Console – อาจทำ SEO เองหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญแบบชั่วคราว |
| ทีมงาน | – ทีม SEO ภายในองค์กรขนาดใหญ่ – ทำงานร่วมกับฝ่ายการตลาด, IT และ PR – มีผู้จัดการด้าน SEO และผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล, การสร้างเนื้อหา | – ทีมงานขนาดเล็กหรือจ้างเอเจนซี่ภายนอก – บุคลากรหลากหลายหน้าที่ อาจมีความเชี่ยวชาญจำกัด | – บุคคลทำงานเดี่ยว หรือทีมเล็กมาก – บางครั้งเจ้าของธุรกิจทำ SEO เอง หรือจ้างเอเจนซี่ขนาดเล็กเป็นครั้งคราว |
| กลยุทธ์ | – เน้นกลยุทธ์ระยะยาว เช่นการสร้าง Backlink คุณภาพสูง, การสร้างเนื้อหาจำนวนมาก – การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง การทำ SEO ระดับนานาชาติ หรือหลายภาษา – การทำ Local SEO ในหลายพื้นที่ | – เน้นกลยุทธ์ที่มีผลเร็ว เช่นการปรับปรุง On-Page SEO, การสร้าง Backlink เฉพาะเจาะจง – การทำ SEO ในระดับประเทศหรือในบางภาคธุรกิจ | – เน้น Local SEO เพื่อเพิ่มการเข้าถึงในพื้นที่ใกล้เคียง เช่นการเพิ่มข้อมูลธุรกิจใน Google My Business – การสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นมากขึ้นและการรีวิวจากลูกค้า |
ส่วนกระบวนการ หรือ ขั้นตอนการทำ SEO ให้เหมาะกับขนาดธุรกิจอย่างละเอียดนั้น ทีมงานของเราได้นำเสนอประเด็น การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) การตลาดสื่อเดิม (Traditional Marketing) และแนวทางการประเมินธุรกิจตนเอง ไว้ อ่านเพิ่มเติม และทำแบบประเมิน ได้ ที่นี่
4. ธุรกิจ SME และ ธุรกิจในท้องถิ่น
เมื่อเรารู้ความหมายของธุรกิจแต่ละขนาดแล้ว เรามาโฟกัสที่ธุรกิจขนาดกลางและธุรกิจท้องถิ่น ซึ่งดูจะใกล้ตัวมากที่สุดกัน ซึ่งมีประเด็นที่ควรทราบเมื่อต้องการเปรียบเทียบ ระหว่าง SEO สำหรับธุรกิจ SME และ SEO สำหรับธุรกิจท้องถิ่น
เมื่อทำการเปรียบเทียบระหว่าง SEO กับขนาดธุรกิจ แล้ว สำหรับ SME (Small and Medium Enterprises) และ SEO สำหรับธุรกิจท้องถิ่น (Local Business) ควรพิจารณาหัวข้อต่อไปนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและมีความละเอียด:
1. กลุ่มเป้าหมาย (Target Audience)
- ระดับการเข้าถึงของลูกค้า (ระดับท้องถิ่น vs ระดับประเทศหรือสากล)
- ลักษณะของกลุ่มลูกค้า (ลูกค้าทั่วไป vs ลูกค้าเฉพาะกลุ่มหรือในพื้นที่)
- ความแตกต่างในพฤติกรรมการค้นหาและการใช้คำค้นหา
2. ขอบเขตของการตลาด (Scope of Marketing)
- ขอบเขตการตลาดออนไลน์ของธุรกิจ
- ธุรกิจท้องถิ่นเน้นการค้นหาในพื้นที่โดยรอบ (Local Search)
- SME มักเน้นการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น (ทั้งในและต่างประเทศ)
3. เป้าหมายการค้นหา (Search Intent)
- การเปรียบเทียบเป้าหมายของลูกค้าในการค้นหา เช่น การค้นหาทั่วไป vs การค้นหาสถานที่หรือบริการที่อยู่ใกล้
- คำค้นหาที่ใช้บ่อยในแต่ละประเภท เช่น “ร้านอาหารในเมือง” หรือ “ธุรกิจในเขตท้องถิ่น”
4. คีย์เวิร์ดและกลยุทธ์การวิจัยคำค้นหา (Keyword Research and Strategy)
- ความแตกต่างของคีย์เวิร์ดทั่วไปและคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่
- การใช้คำค้นหายาว (Long-tail Keywords) สำหรับธุรกิจขนาดกลาง vs คำค้นหาสั้นเฉพาะท้องถิ่น
5. เครื่องมือที่ใช้ (Tools Used)
- เครื่องมือเฉพาะที่ใช้ในการจัดการ SEO สำหรับ SME เช่น Google Search Console, Ahrefs, SEMrush
- เครื่องมือเฉพาะสำหรับธุรกิจท้องถิ่น เช่น Google My Business, การทำ Citation Building
6. การสร้างลิงก์ (Link Building Strategy)
- กลยุทธ์ในการสร้างลิงก์ เช่น ลิงก์จากองค์กรหรือธุรกิจในท้องถิ่น vs ลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องในวงกว้าง
- ความสำคัญของลิงก์ที่ระบุตำแหน่งท้องถิ่นและความน่าเชื่อถือในชุมชน
7. การสร้างเนื้อหา (Content Creation)
- ลักษณะของเนื้อหาที่เหมาะกับการตลาดขนาดกลาง vs การตลาดท้องถิ่น เช่น บทความเชิงอุตสาหกรรม vs เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับชุมชน
- การปรับเนื้อหาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละตลาด
8. ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Factors)
- การปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อรองรับการค้นหาจากพื้นที่ต่าง ๆ (Local SEO)
- การพัฒนาโครงสร้างเว็บไซต์เพื่อดึงดูดลูกค้าทั่วไปในตลาดที่กว้างกว่า (SEO)
9. การใช้งบประมาณ (Budget Allocation)
- งบประมาณในการทำ SEO ที่มักสูงกว่าใน SME เนื่องจากเป้าหมายการตลาดที่กว้างกว่า
- การทำ SEO สำหรับธุรกิจท้องถิ่นอาจใช้งบประมาณน้อยกว่าแต่ต้องเน้นผลลัพธ์เฉพาะที่รวดเร็ว
10. การวัดผล (Metrics and KPIs)
- การวัดผลที่แตกต่างกัน เช่น ทราฟฟิกทั่วโลก vs ทราฟฟิกท้องถิ่น
- การวัดความสำเร็จของการค้นหาในท้องถิ่น เช่น การโทรเข้าธุรกิจ, การคลิกดูแผนที่, การรีวิวในท้องถิ่น
11. การรีวิวและการจัดการความเชื่อถือ (Reviews and Reputation Management)
- ความสำคัญของรีวิวออนไลน์ในธุรกิจท้องถิ่น และการจัดการความเชื่อถือจากลูกค้าในชุมชน
- ใน SME มักเน้นรีวิวที่มีผลกระทบในระดับกว้างกว่า เช่น บนแพลตฟอร์มการรีวิวสาธารณะ
12. ความสัมพันธ์กับ Google My Business (GMB)
- การจัดการ GMB ที่สำคัญมากสำหรับธุรกิจท้องถิ่น เนื่องจากช่วยให้ธุรกิจปรากฏในการค้นหาพื้นที่
- ธุรกิจขนาดกลางอาจไม่ได้พึ่งพา GMB เท่ากับธุรกิจท้องถิ่น แต่ยังคงใช้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้ได้
การเปรียบเทียบระหว่าง SEO กับขนาดธุรกิจ ในมุมของ SME และ SEO สำหรับธุรกิจท้องถิ่น ควรให้ความสำคัญกับหลายมิติ ตั้งแต่การกลุ่มเป้าหมาย, คีย์เวิร์ด, ขอบเขตการตลาด, การสร้างลิงก์ และการวัดผล นอกจากนี้ ความแตกต่างในลักษณะธุรกิจท้องถิ่นกับธุรกิจขนาดกลางก็มีผลต่อวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการทำ SEO
5. SME vs ธุรกิจท้องถิ่น
ความแตกต่างระหว่าง SME และ Local Business อยู่ในหลายมิติ รวมถึงขนาดธุรกิจ, ขอบเขตการดำเนินงาน, การเข้าถึงตลาด, และกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยสามารถแยกออกได้ดังนี้:
1. ขนาดของธุรกิจ (Business Size)
- SME: หมายถึงธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งรวมถึงธุรกิจที่มีพนักงานและรายได้ในระดับที่กำหนดตามเกณฑ์ของแต่ละประเทศ ธุรกิจเหล่านี้อาจขยายขอบเขตการทำงานในระดับประเทศหรือแม้แต่ระดับสากล
- Local Business: มักเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีการดำเนินการในพื้นที่เฉพาะ เช่น เมืองหรือชุมชนหนึ่ง ๆ มักมีขนาดเล็กกว่าธุรกิจ SME ในแง่ของจำนวนพนักงานและรายได้
2. ขอบเขตการดำเนินงาน (Scope of Operations)
- SME: มักมุ่งเน้นการขยายตลาดไปยังหลายพื้นที่หรือประเทศ รวมถึงการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย อาจมีการค้าขายออนไลน์หรือส่งออกสินค้าไปยังพื้นที่อื่น ๆ
- Local Business: เน้นการดำเนินงานในชุมชนหรือเมืองเฉพาะเจาะจง โดยลูกค้าหลักมักเป็นคนในพื้นที่ ธุรกิจเหล่านี้อาจไม่เน้นการขยายตัวไปนอกพื้นที่
3. การเข้าถึงตลาด (Market Reach)
- SME: สามารถเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติผ่านการตลาดออนไลน์หรือการส่งออกสินค้า
- Local Business: มักมุ่งเน้นการให้บริการและขายสินค้าในชุมชนใกล้เคียง การตลาดและการสื่อสารจะถูกจำกัดให้อยู่ในพื้นที่ท้องถิ่นเท่านั้น
4. กลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing Strategy)
- SME: ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่หลากหลาย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การตลาดดิจิทัล, โฆษณาทางโทรทัศน์, การทำ SEO เพื่อขยายการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง
- Local Business: มักใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่เจาะจงพื้นที่ เช่น ป้ายโฆษณาในท้องถิ่น, การแจกใบปลิว, และการจัดโปรโมชันที่เน้นชุมชน นอกจากนี้อาจเน้นการตลาดแบบปากต่อปากในพื้นที่
5. การเติบโต (Growth Potential)
- SME: มีศักยภาพในการเติบโตมากกว่า เนื่องจากสามารถขยายไปยังตลาดที่กว้างขึ้น และมีโอกาสในการเพิ่มผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ
- Local Business: การเติบโตมักจะถูกจำกัดอยู่ในขอบเขตของพื้นที่ และต้องพึ่งพาฐานลูกค้าในท้องถิ่น หากจะขยายธุรกิจมักจะต้องขยายสาขาในพื้นที่อื่น
6. การจัดการทรัพยากร (Resource Management)
- SME: มักมีทรัพยากรมากกว่าในแง่ของพนักงาน, งบประมาณ, และเทคโนโลยี ซึ่งช่วยให้สามารถขยายการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพได้
- Local Business: มักมีทรัพยากรที่จำกัดมากกว่า ทั้งในแง่ของจำนวนพนักงานและงบประมาณ การจัดการทรัพยากรจึงมักมุ่งเน้นไปที่การให้บริการในชุมชนท้องถิ่น
7. การสนับสนุนจากรัฐบาล (Government Support)
- SME: ได้รับการสนับสนุนในหลายประเทศ โดยมีนโยบายสนับสนุนด้านเงินทุนและการฝึกอบรมเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ในระดับที่กว้างขึ้น
- Local Business: มักได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่นหรือโครงการชุมชนที่เน้นการเสริมสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น
8. การสร้างแบรนด์ (Branding)
- SME: มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ในระดับที่กว้างขวางมากกว่า เพื่อให้เป็นที่รู้จักในหลายตลาด
- Local Business: มักมุ่งเน้นการสร้างชื่อเสียงในชุมชนและการเป็นที่รู้จักในพื้นที่โดยรอบ
9. การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (Adaptation to Technological Change)
- SME: มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ดีกว่า เนื่องจากมีทรัพยากรในการลงทุนในระบบใหม่ ๆ เช่น ระบบอีคอมเมิร์ซหรือการตลาดดิจิทัล
- Local Business: มักจะช้ากว่าในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เนื่องจากมีงบประมาณและความสามารถในการลงทุนที่จำกัด
โดยสรุปแล้ว ประเด็นหลักของการดำเนินการกับ SEO กับขนาดธุรกิจ คือ
- SME: ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีศักยภาพในการเติบโตและขยายการทำงานไปยังตลาดที่กว้างขึ้น มักมีทรัพยากรและการสนับสนุนจากรัฐบาลที่มากกว่า
- Local Business: ธุรกิจท้องถิ่นที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่ลูกค้าในพื้นที่เฉพาะเจาะจง ขนาดเล็กกว่าและมักมีการดำเนินงานที่จำกัดในชุมชน
6. SEO กับขนาดธุรกิจ SME และ ธุรกิจท้องถิ่น
หากต้องการเปรียบเทียบถึง SEO กับขนาดธุรกิจ ให้ชัดเจนขั้นถึงความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง SEO สำหรับ SME และ SEO สำหรับ Local Business ในมิติต่าง ๆ แล้ว ทีมงานของเราได้นำเสนอเป็นตารางเพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน ดังนี้
ตารางเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง SEO สำหรับธุรกิจ SME และ SEO สำหรับธุรกิจท้องถิ่น
| หัวข้อ | SOE สำหรับ SME | SEO สำหรับ Local Business | ความเหมือน | ความแตกต่าง |
|---|---|---|---|---|
| กลุ่มเป้าหมาย (Target Audience) | ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่ต้องการเติบโตในตลาดออนไลน์ระดับกว้างขึ้น | ธุรกิจท้องถิ่นที่เน้นการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่เฉพาะ | ทั้งคู่ต้องการเข้าถึงลูกค้าและเพิ่มยอดขาย | SOE เน้นระดับกว้างขวางกว่าธุรกิจท้องถิ่น |
| เป้าหมายการค้นหา (Search Intent) | เน้นการค้นหาทั่วไปในตลาดกว้างทั้งระดับประเทศและสากล | เน้นการค้นหาเชิงพื้นที่ เช่น “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” | ทั้งคู่ต้องการอยู่ในอันดับต้นๆ ของการค้นหา | SEO ท้องถิ่นมุ่งเน้นคำค้นหาที่เกี่ยวกับพื้นที่ |
| การใช้คีย์เวิร์ด (Keyword Usage) | ใช้คำค้นหาที่กว้างและเชื่อมโยงกับกลุ่มลูกค้าหลากหลาย | ใช้คำค้นหาเฉพาะเจาะจงในพื้นที่ที่ตั้งของธุรกิจ | ใช้คีย์เวิร์ดเพื่อปรับปรุงอันดับในผลการค้นหา | SEO ท้องถิ่นเน้นคีย์เวิร์ดที่ระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ |
| เครื่องมือและเทคนิค (Tools and Techniques) | ใช้เทคนิค SEO ขั้นสูง รวมถึงการสร้างเนื้อหาและการสร้างลิงก์ | ใช้ Google My Business, คำรีวิวจากลูกค้า, และการใส่ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ (NAP) | ใช้การวิจัยคีย์เวิร์ด, การสร้างลิงก์, และการปรับปรุงเว็บไซต์ | SEO ท้องถิ่นต้องใช้แพลตฟอร์มเฉพาะ เช่น Google My Business |
| การวัดผล (Metrics) | ใช้การวัดผลเช่น ทราฟฟิกทั่วโลก, อัตราการคลิก, ยอดขายออนไลน์ | เน้นการวัดทราฟฟิกจากการค้นหาในพื้นที่, การโทรเข้า, และการนำทางไปยังธุรกิจ | ทั้งคู่ใช้ Google Analytics หรือเครื่องมืออื่น ๆ วัดผล | SEO ท้องถิ่นวัดจากการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่เฉพาะ |
| กลยุทธ์การสร้างลิงก์ (Link Building Strategy) | เน้นการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ในหลายอุตสาหกรรมและพื้นที่ | เน้นลิงก์จากธุรกิจหรือองค์กรที่มีอิทธิพลในพื้นที่ท้องถิ่น | ใช้กลยุทธ์การสร้างลิงก์เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ | SEO ท้องถิ่นเน้นลิงก์เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ |
| การสร้างเนื้อหา (Content Creation) | เนื้อหามักจะครอบคลุมอุตสาหกรรมหลากหลาย และเน้นความเป็นผู้นำในตลาด | เนื้อหามักเน้นไปที่เหตุการณ์ในพื้นที่, ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ และความสนใจในชุมชน | ทั้งคู่ใช้เนื้อหาเพื่อเพิ่มการมองเห็นในออนไลน์ | SEO ท้องถิ่นเน้นเนื้อหาที่เกี่ยวกับชุมชนและพื้นที่ |
โดยสรุปแล้ว ความเหมือนกับความแตกต่างของ SEO กับขนาดธุรกิจ ที่เฉพาะเจาะจงไปที่ SME และ Local Business คือ
- ความเหมือน: ทั้ง SEO สำหรับ SME และ SEO สำหรับ Local Business มีเป้าหมายร่วมกันคือการเพิ่มการมองเห็นออนไลน์และเพิ่มยอดขายผ่านการค้นหาบนอินเทอร์เน็ต โดยใช้เทคนิค SEO ที่คล้ายกัน เช่น การวิจัยคีย์เวิร์ด, การสร้างลิงก์ และการวัดผลด้วยเครื่องมืออย่าง Google Analytics
- ความแตกต่าง: ความแตกต่างหลักคือ กลุ่มเป้าหมาย และ ขอบเขต ที่ SOE สำหรับ SME มุ่งเน้นการเข้าถึงตลาดที่กว้างกว่าและทั่วโลก ในขณะที่ SEO สำหรับ Local Business มุ่งเน้นเฉพาะการค้นหาที่เกี่ยวกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์เฉพาะเจาะจง
ทั้งหมดนี้คือการพิจารณาว่าธุรกิจของเรา ของท่าน จัดอยู่ในขนาดใด และการทำ SEO กับขนาดธุรกิจ ของท่านนั้น ควรพิจารณาในมิติใดบ้าง ซึ่งเมื่อได้ข้อตกลงชัดเจนแล้ว ก็จะดำเนินการในขั้นถัดไป คือ ประเมินตนเองและเลือกขั้นตอน ให้เหมาะสมกับธุรกิจของเราให้มากที่สุด ซึ่งทาง NichPR ได้ทำการสร้างแบบประเมินและขั้นตอนแบบละเอียด ไว้ให้ท่านพิจารณาศึกษาแล้ว ซึ่งเป็นการสกัดออกมาจากประสบการสอนการตลาดออนไลน์ การเป็นที่ปรึกษาธุรกิจ SME การวิจัย และประสบการณ์ในธุรกิจโฆษณาในสื่อเดิมอย่าง FM ที่ยาวนานกว่า 10 ปี








