Storytelling เพื่อการประชาสัมพันธ์ธุรกิจและองค์กร

Storytelling หรือ การเล่าเรื่อง
Nich PR Group Avatar
โครงร่างเนื้อหา

Storytelling หรือ การเล่าเรื่อง ในภาษาไทย หมายถึง การนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องสมมติ เพื่อสื่อสารความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ หรือข้อมูลข่าวสารไปยังผู้อื่น โดยอาจใช้สื่อต่างๆ เช่น ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาพ ภาพยนตร์ หรือแม้แต่ท่าทาง

การเล่าเรื่อง (Storytelling) เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการสร้างความประทับใจและเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจของคุณในระดับที่ลึกขึ้น ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะขายสินค้า บริการ หรือไอเดีย การเล่าเรื่องช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่มีความหมายและแตกต่างจากคู่แข่ง

รูปประกอบจาก AI โดย Nich PR

การบอกเล่าเรื่องราวของสิ่งต่าง ๆ ผ่านบทความ รูปภาพ หรือคลิปวิตโอ เพื่อแสดงถึงจดกำเนิดหรือที่มาของ สินค้าให้ผู้คนที่สนใจเกิดอาการคล้อยตามหรือจดจำสินค้าหรือแบรนด์นั้น ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการเล่าเรื่องราวนี้สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจมากยิ่งขึ้น ยิ่งถ้ามีเรื่องราวที่สนใจและเกี่ยวข้องกับตัวบุคคลนั้น ๆ ยิ่งได้รับแรงกระตุ้นมากว่าเดิม เมื่อได้ฟังหรือได้เห็นเรื่องราวนั้น

หากเราจะใช้กรอบความคิดในการเล่าเรื่อง เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ หรือประชาสัมพันธ์องค์กร หน่วยงาน มีอะไรบ้างที่เราควรรู้ และมีแนวปฏิบัติอย่างไร เชิญติดตาม

ความสำคัญของการเล่าเรื่อง

การเล่าเรื่องที่ดีสามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์ของคุณได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น เรื่องราวที่มีเอกลักษณ์ทำให้ลูกค้าจดจำคุณได้ง่าย และสร้างความไว้วางใจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาเลือกที่จะใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากคุณ แทนที่จะเลือกคู่แข่ง

Storytelling มีองค์ประกอบหลักของการเขียน

Storytelling หรือการเล่าเรื่อง คือศิลปะในการนำเสนอข้อมูลหรือข้อความผ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ เพื่อสร้างความประทับใจและเชื่อมโยงกับผู้ฟังหรือผู้อ่าน องค์ประกอบหลัก ๆ ของการเขียน Storytelling มีดังนี้

1. ตัวละคร (Character)

  • ตัวเอก: ตัวละครหลักที่ขับเคลื่อนเรื่องราว
  • ตัวประกอบ: ตัวละครที่ช่วยเติมเต็มเรื่องราวและสร้างความขัดแย้ง
  • การพัฒนาตัวละคร: การเปลี่ยนแปลงของตัวละครตลอดเรื่อง

2. โครงเรื่อง (Plot)

  • การเริ่มต้น: การเปิดเรื่องที่น่าสนใจและดึงดูด
  • การดำเนินเรื่อง: เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำดับ
  • จุดสูงสุด: จุดที่เรื่องราวถึงขีดสุดของความตื่นเต้น
  • การคลี่คลาย: การแก้ไขปัญหาและจบเรื่อง

3. ความขัดแย้ง (Conflict)

  • ปัญหา: ปัญหาหรืออุปสรรคที่ตัวละครต้องเผชิญ
  • การต่อสู้: การพยายามแก้ไขปัญหา
  • การตัดสินใจ: การเลือกทางออกที่ยากลำบาก

4. แนวคิดหลัก (Theme)

  • ข้อความ: ข้อความที่ต้องการสื่อสารผ่านเรื่องราว
  • ค่านิยม: ค่านิยมที่ต้องการส่งเสริม

5. ฉาก (Setting)

  • สถานที่: สถานที่ที่เกิดเหตุการณ์
  • เวลา: ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์
  • บรรยากาศ: บรรยากาศโดยรอบที่ส่งผลต่อเรื่องราว

6. มุมมองในการเล่าเรื่อง (Point of View)

  • บุคคลที่ 1: เล่าเรื่องผ่านสายตาของตัวละครเอง
  • บุคคลที่ 3: เล่าเรื่องจากภายนอกโดยรู้ความคิดของตัวละครบางตัวหรือทั้งหมด

7. ภาษาและสำนวน

  • ภาษาที่เข้าใจง่าย: ภาษาที่สื่อสารได้อย่างชัดเจน
  • สำนวนที่น่าสนใจ: สำนวนที่ช่วยสร้างความประทับใจ

8. จุดหักเห (Turning Point)

  • เหตุการณ์สำคัญ: เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทิศทางของเรื่องราว
  • การตัดสินใจ: การตัดสินใจที่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์

ตัวอย่างการนำองค์ประกอบ Storytelling ไปใช้:

  • ตัวอย่าง: แบรนด์เครื่องดื่ม
  • ตัวละคร: หนุ่มสาววัยทำงานที่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน
  • โครงเรื่อง: พวกเขาได้พบกับเครื่องดื่มใหม่ที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่นและมีพลัง
  • ความขัดแย้ง: พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาความเครียดจากการทำงาน
  • แนวคิดหลัก: เครื่องดื่มของเราช่วยให้คุณมีชีวิตชีวา
  • ฉาก: สำนักงานที่วุ่นวาย
  • มุมมองในการเล่าเรื่อง: บุคคลที่ 3 รู้ความคิดของตัวละคร
  • ภาษาและสำนวน: ภาษาที่เป็นกันเองและเข้าใจง่าย เช่น “สดชื่นทุกวัน”
  • จุดหักเห: พวกเขาได้ลองดื่มเครื่องดื่มใหม่และรู้สึกดีขึ้น

การประยุกต์ใช้การเล่าเรื่องในธุรกิจ

  1. การเล่าเรื่องในสินค้าและบริการ: การสร้างเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังสินค้าและบริการ เช่น เรื่องราวการออกแบบ การผลิต หรือการใช้งาน จะทำให้สินค้าของคุณดูมีชีวิตและน่าสนใจยิ่งขึ้น
  2. การเล่าเรื่องผ่านการตลาดออนไลน์: ใช้การเล่าเรื่องในสื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ หรือบล็อกเพื่อสื่อสารกับลูกค้า สร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น และดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ
  3. การเล่าเรื่องผ่านประสบการณ์ของลูกค้า: ให้ลูกค้าได้เล่าเรื่องราวประสบการณ์ของพวกเขาที่มีต่อแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นรีวิว คำชมเชย หรือกรณีศึกษา เรื่องราวเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจของคุณดูน่าเชื่อถือและมีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น

    การเขียนเรื่องราวที่น่าสนใจ

    การเขียนเรื่องราวที่น่าสนใจนั้นเป็นศิลปะที่สามารถดึงดูดผู้อ่านและทำให้พวกเขาจดจำเนื้อหาของคุณได้เป็นอย่างดี ต่อไปนี้คือเทคนิคเพิ่มเติมที่จะช่วยให้เรื่องราวของคุณน่าสนใจมากยิ่งขึ้น:

    1. เริ่มต้นด้วยการดึงดูดความสนใจ

    การเปิดเรื่องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเขียนเรื่องราว หากคุณสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้ตั้งแต่ประโยคแรก พวกเขาจะมีแนวโน้มที่จะอ่านต่อ เทคนิคในการเริ่มต้นเรื่องที่น่าสนใจมีหลายวิธี เช่น

    • เริ่มด้วยคำถาม: เช่น “เคยสงสัยไหมว่าทำไม…” หรือ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…”
    • เริ่มด้วยคำพูดที่น่าสนใจ: เช่น คำคมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราว
    • เริ่มด้วยเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้น: เช่น การเล่าถึงเหตุการณ์ที่สร้างความประหลาดใจ

    2. ใช้ภาษาที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง

    การใช้ภาษาที่เรียบง่าย ทำให้ผู้อ่านทุกคนสามารถเข้าใจได้โดยง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีพลังและความกระชับ คำที่เลือกใช้ควรเป็นคำที่สามารถสร้างภาพในใจของผู้อ่านได้อย่างชัดเจน และควรหลีกเลี่ยงการใช้คำที่ซับซ้อนเกินไป

    3. เน้นความสมจริงและความเกี่ยวข้อง

    ผู้อ่านมักจะถูกดึงดูดด้วยเรื่องราวที่สามารถเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของพวกเขาได้ ดังนั้น ควรเน้นให้เรื่องราวมีความสมจริง และเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงของกลุ่มเป้าหมาย ใช้ตัวละครที่มีลักษณะหรือบุคลิกที่คล้ายกับผู้ชม หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่พวกเขาอาจเคยพบเจอ

    4. สร้างความตื่นเต้นและความคาดหวัง

    การสร้างความตื่นเต้นหรือความคาดหวังเป็นวิธีที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกอยากติดตามเรื่องราวต่อไปได้ เช่น การใช้ cliffhanger หรือการทิ้งท้ายบทที่ทำให้ผู้อ่านต้องการรู้ว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างไร

    5. แสดงอารมณ์ผ่านการเล่าเรื่อง

    การเล่าเรื่องราวที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกมีส่วนร่วมกับเรื่องราวมากขึ้น ใช้คำที่บรรยายถึงความรู้สึกและอารมณ์ เช่น ความสุข ความเศร้า ความกลัว หรือความหวัง เพื่อทำให้เรื่องราวมีความลึกซึ้งและมีพลังมากขึ้น

    6. จัดโครงสร้างเรื่องราวให้ชัดเจน

    การมีโครงสร้างเรื่องราวที่ชัดเจนจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถติดตามเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ใช้การแบ่งตอนหรือย่อหน้าให้เหมาะสม และจัดเรียงเนื้อหาให้มีลำดับเรื่องราวที่สมเหตุสมผล เริ่มจากการตั้งปัญหา นำไปสู่การเผชิญอุปสรรค และจบลงด้วยการแก้ปัญหา

    7. ใช้เสียงและมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์

    เสียงของผู้เล่าหรือมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่นๆ จะทำให้เรื่องราวของคุณมีความโดดเด่น ลองใช้มุมมองที่ไม่ธรรมดาในการเล่าเรื่อง เช่น การเล่าเรื่องจากมุมมองของวัตถุ หรือสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความสนุกและแตกต่างจากเรื่องราวทั่วไป

    8. ทำให้เรื่องราวมีความหมาย

    เรื่องราวที่ดีควรมีบทเรียนหรือข้อคิดที่สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเรื่องราวนั้นมีความหมายและสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตของพวกเขาได้

    การใช้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเขียนเรื่องราวที่น่าสนใจและทรงพลังได้มากขึ้น ไม่ว่าคุณจะใช้การเล่าเรื่องในการเขียนบล็อก การตลาด หรือการสื่อสารใดๆ การสร้างเรื่องราวที่ดีจะช่วยทำให้คุณสามารถเชื่อมโยงกับผู้อ่านและสร้างความประทับใจได้อย่างยั่งยืน

    Roadmap สำหรับใส่เรื่องเล่าในการนำเสนอ

    บทความหนึ่งจาก skilldee.com ได้สรุปแนวทางไว้น่าสนใจ สรุปได้ดังนี้

    Babara Minto ผู้เขียนหนังสือ The Pyramid Principle ที่เป็นหนังสือด้านการจัดการ (Management Consultant) สรุปโครงสร้างการเล่าเรื่องนี้เป็น 3 ตอน คือ 

    1. Situation (เล่าบริบท หรือเกริ่นนำ) 
    2. Complication (เล่าความซับซ้อน หรือปัญหา) และ
    3. Solution (ทางรอด หรือทางแก้ปัญหา) ส่วนการเรียงลำดับ 3 ท่อนนี้ ก็แล้วแต่สถานการณ์ของเรานั่นเอง

    หนังสือ Everyday Business Storytelling ผู้แต่งแนะนำแนวทางการใส่เรื่องเล่าในการนำเสนอออกมาเป็น Roadmap ง่ายๆ ดังรูป

    ที่มา https://skilldee.com/2022/roadmap-storytelling-presentation-part1/

    Roadmap ประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก คือ Why (ทำไม) What (อะไร) และ How (อย่างไร)

    Why (ทำไม) 

    ในการนำเสนอแบบเล่าเรื่อง เราก็ต้องให้ความสำคัญกับ Why ดังนี้

    • Setting (สภาพแวดล้อมหรือบริบท): Setting บอกเรื่องราว ปูพื้นให้กับผู้ฟังได้รู้จักเรื่องราวของเรา สิ่งสำคัญที่เราต้องการสื่อ
    • Characters (ตัวละคร): สมมติตัวละครขึ้นมา ทุกเรื่องเล่าที่ดีต้องมีตัวละคร เพื่อให้ผู้ฟังได้จินตนาการตาม คือ 1) ใส่ชื่อให้ตัวละคร 2) ใช้ตัวละครแบบไม่มีชื่อ 3) ใช้ตัวเราเป็นตัวละครในเรื่องอื่น ๆ ที่คุ้นเคย 
    • Conflict (ข้อขัดแย้ง): เป็นการเพิ่มความสนใจด้วยความสงสัย อยากรู้เรื่องราวทั้งหมด ใส่ข้อขัดแย้งหรือปัญหาเป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องเล่าของเรามีสีสันและน่าสนใจ

    What (อะไร)

    What ในการนำเสนอ คือ Big Idea หรือ Key Message ของการนำเสนอนั่นเอง ว่าอะไร คือ สิ่งที่เราต้องการบอกผู้ฟัง ต้องการให้ผู้ฟังคิดหรือทำ แต่หากไม่มีก็ไม่จำเป็นต้องนำเสนอ

    How (อย่างไร)

    ในส่วนของ How คือ Resolution หรือทางแก้ปัญหา ที่ผู้เล่าอยากนำเสนอให้กับผู้ฟัง เพื่อการโน้มน้าวให้ผู้ฟังนำไปคิดต่อหรือนำไปทำต่อ

    เทคนิคการสร้างคอนเทนต์เพื่อธุรกิจออนไลน์ด้วยวิธีการบอกเล่าเรื่องราว

    การนำเทคนิคนี้มาใช้ในการสร้างคอนเทนต์สำหรับธุรกิจออนไลน์จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เช่น สร้างความเชื่อมโยง: ทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์ของคุณมากขึ้น จดจำได้ง่าย: เรื่องราวที่น่าสนใจจะติดอยู่ในใจของลูกค้า กระตุ้นอารมณ์: ทำให้ลูกค้ารู้สึกและเข้าใจแบรนด์ของคุณได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพิ่มความน่าเชื่อถือ: เรื่องราวที่เป็นจริงจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ส่งเสริมการแชร์: เมื่อเรื่องราวของคุณน่าสนใจ ลูกค้าก็จะอยากแชร์ให้เพื่อนๆ ของพวกเขา

    แล้ว เทคนิคการสร้างคอนเทนต์ มีอะไรบ้าง

    1. กำหนดเรื่องราว:
      • เรื่องราวของแบรนด์: เล่าเรื่องราวการก่อตั้งแบรนด์ ค่านิยม และวิสัยทัศน์
      • เรื่องราวของลูกค้า: เล่าเรื่องราวความสำเร็จของลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
      • เรื่องราวของผลิตภัณฑ์: เล่าเรื่องราวที่มาของผลิตภัณฑ์และคุณประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ
    2. สร้างตัวละคร:
      • ตัวละครหลัก: อาจเป็นเจ้าของแบรนด์ พนักงาน หรือตัวแทนของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
      • ตัวละครรอง: สิ่งของ สถานที่ หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราว
    3. สร้างโครงเรื่อง:
      • จุดเริ่มต้น: ปัญหาหรือความต้องการของตัวละคร
      • จุดพลิกผัน: เหตุการณ์ที่ทำให้เรื่องราวเปลี่ยนแปลง
      • จุดจบ: ผลลัพธ์ที่ตัวละครได้รับ
    4. ใช้ภาษาที่น่าสนใจ:
      • ภาษาที่เข้าใจง่าย: ใช้ภาษาที่สื่อสารได้ชัดเจนและเข้าใจง่าย
      • สร้างอารมณ์: ใช้คำที่สื่อถึงอารมณ์ เช่น ดีใจ เสียใจ ตื่นเต้น
      • สร้างภาพ: ใช้คำที่ช่วยให้ผู้อ่านจินตนาการตามได้
    5. เลือกช่องทางที่เหมาะสม:
      • โซเชียลมีเดีย: Facebook, Instagram, TikTok
      • บล็อก: เขียนบทความเล่าเรื่องราว
      • วิดีโอ: สร้างวิดีโอสั้นๆ หรือภาพยนตร์
      • อีเมล: ส่งอีเมลนิวส์เลตเตอร์เล่าเรื่องราว

    ตัวอย่างคอนเทนต์

    • เรื่องราวของกาแฟ: เล่าเรื่องราวตั้งแต่เมล็ดกาแฟถูกปลูกจนกลายเป็นแก้วกาแฟที่อยู่ในมือลูกค้า
    • เรื่องราวของลูกค้า: เล่าเรื่องราวของลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณแล้วประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก
    • เรื่องราวของแบรนด์: เล่าเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์และเหตุผลที่ก่อตั้งขึ้นมา

    เคล็ดลับเพิ่มเติม

    • ความสม่ำเสมอ: สร้างคอนเทนต์ Storytelling อย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาความสนใจของลูกค้า
    • ความเป็นส่วนตัว: เล่าเรื่องราวที่เป็นส่วนตัวและแสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ของแบรนด์
    • สร้างปฏิสัมพันธ์: กระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในการเล่าเรื่องราว

    สรุป Storytelling เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง การนำเทคนิค Storytelling มาใช้ในการสร้างคอนเทนต์จะช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นและน่าจดจำในใจของลูกค้ามากยิ่งขึ้น


    Tagged in :

    Nich PR Group Avatar

    Leave a Reply

    Your email address will not be published. Required fields are marked *

    Nich PR

    Page

    ยกระดับธุรกิจด้วย Digital Marketing Innovation และการประยุกต์ใช้ AI และ SEO Solutions ที่คู่แข่งตามไม่ทัน! เว็บไซต์เพิ่มการติดอันดับและส่วนแบ่งการตลาดแข่งขันสูง มั่นคง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเสริมสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง เพื่อเป็นผู้นำในตลาดอย่างมั่นคง ร่วมเปลี่ยนแปลงอนาคตธุรกิจของคุณกับเรา วันนี้!