Updating! กูเกิลปรับนโยบาย SEO ปลายปี 2024 ด้าน Google Site Reputation Abuse

Google Site Reputation Abuse กูเกิลปรับนโยบาย SEO ปลายปี 2024
Nich PR Group Avatar

SEO ยังเป็นเรื่องที่สำคัญที่ NichPR ให้ความสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ จะมาก จะน้อย จะเต็มตัว ครึ่งตัว ก็ต้องมี ลองอ่านบทความเทคนิคย้อนหลังที่นี่ มาปลายปี 2024 นี้ Google ได้ออกประกาศ “Updating our site reputation abuse policy” คืออะไร สำคัญอย่างไร ไม่สนใจได้หรือไม่ เดี๋ยว NichPR จะเล่าให้ฟัง

Updating our site reputation abuse policy

Site Reputation Abuse?

Google Site Reputation Abuse คือการกระทำที่เจ้าของเว็บไซต์ (First-Party) อนุญาต (ยอมหรือพลาด) ให้บุคคลที่สาม (Third-Party) เผยแพร่เนื้อหาบนเว็บไซต์ของตน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและการรับรู้แบรนด์ (คนอื่น) แต่เนื้อหานั้นอาจไม่เกี่ยวข้องหรือไม่มีคุณค่าต่อผู้ใช้ Google จึงมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจส่งผลให้เว็บไซต์ (เรา) ถูกลดอันดับหรือถูกดีอินเด็กซ์จากผลการค้นหา

มีอะไรบ้างที่เรียกว่า Site Reputation Abuse

ตัวอย่างการกระทำที่ Google เห็นว่าไม่เหมาะสมจนถึงขั้นออกนโยบายป้องกัน เช่น การใส่เนื้อหาหลอกลวง (spam), การใส่ลิงก์ที่เป็นอันตราย (malicious links), หรือการละเมิดนโยบายของ Google เพื่อหวังผลทาง SEO หรือการโจมตีคู่แข่ง เป็นต้น ซึ่ง Site Reputation Abuse แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้

  • Black Hat SEO: การใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้อง เช่น การสร้างลิงก์สแปม, การใช้คีย์เวิร์ดเกินความจำเป็น (keyword stuffing) หรือการซ่อนเนื้อหา
  • Negative SEO: การโจมตีเว็บไซต์ของคู่แข่งด้วยการสร้างลิงก์คุณภาพต่ำ หรือการรายงานเว็บไซต์ว่าเป็นสแปม
  • การโจมตีผ่าน Malware หรือ Phishing: ใช้เว็บไซต์ในการแพร่กระจายมัลแวร์หรือสร้างหน้าปลอมเพื่อขโมยข้อมูล
  • การฟลัดคอมเมนต์หรือรีวิวปลอม: การใส่ความคิดเห็นหรือรีวิวที่ไม่จริง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีหรือแย่ให้กับเว็บไซต์
Google Site Reputation Abuse หมายถึงการกระทำหรือพฤติกรรมที่มุ่งหวังจะบิดเบือนหรือทำลายความน่าเชื่อถือ (reputation) ของเว็บไซต์บน Google

ตารางตัวอย่างและการวิเคราะห์ผลกระทบของ Google Site Reputation Abuse

ประเภทการโจมตีตัวอย่างการกระทำผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นวิธีแก้ไขหรือป้องกัน
Black Hat SEOการสร้างลิงก์สแปม (Spam Links) ไปยังเว็บไซต์ของตนเองหรือคู่แข่ง– ถูกลดอันดับ (Google Penalty)
– สูญเสียความน่าเชื่อถือทาง SEO
– มีค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา
– หลีกเลี่ยงการใช้เทคนิคผิดกฎ
– ตรวจสอบลิงก์ย้อนกลับ (Backlinks) เป็นประจำ
Negative SEOคู่แข่งสร้างลิงก์คุณภาพต่ำหรือรายงานเว็บไซต์ว่าเป็นสแปม– ถูกลดอันดับหรือแบนจากการค้นหา
– สูญเสียลูกค้าและรายได้
– ใช้เครื่องมือตรวจสอบลิงก์ เช่น Google Search Console
– ปฏิเสธลิงก์คุณภาพต่ำ (Disavow Links)
Malware/Phishingฝังมัลแวร์ในเว็บไซต์หรือสร้างหน้าปลอมเพื่อล่อลวงข้อมูล– เว็บไซต์ถูก Google เตือนว่ามีอันตราย
– เสียความไว้วางใจจากผู้ใช้งาน
– อาจถูกฟ้องร้องทางกฎหมาย
– อัปเดตระบบความปลอดภัย
– ใช้ SSL Certificate
– ตรวจสอบและลบมัลแวร์อย่างรวดเร็ว
ฟลัดคอมเมนต์/รีวิวปลอมการใส่รีวิวหรือคอมเมนต์เชิงลบจำนวนมากในโปรไฟล์ธุรกิจของคู่แข่ง– สูญเสียความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้งาน
– มีผลเสียต่อชื่อเสียงและรายได้
– ตรวจสอบและลบรีวิวปลอม
– รายงานพฤติกรรมไม่เหมาะสมไปยังแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้อง เช่น Google Business Profile
การสร้างเนื้อหาหลอกลวงใส่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือใช้คีย์เวิร์ดเกินความจำเป็น (Keyword Stuffing)– เนื้อหาไม่มีคุณภาพและลดอันดับ SEO
– ผู้ใช้งานอาจขาดความเชื่อถือในแบรนด์
– สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและตรงตามนโยบายของ Google

ถ้าหากเกิดการกระทำผิดต่อนโยบายนี้ จะเกิดอะไรขั้น

ตอบแบบสั้น ๆ คือจะถูก Google ลดความสำคัญด้าน SEO ของเว็บไซต์ของเรา ซึ่งความสำคัญนั้น (ความสำคัญของการป้องกัน Site Reputation Abuse) คือ

  • ผลต่ออันดับ SEO: Google มีระบบที่ตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมผิดปกติ หากพบว่ามีการละเมิด อาจทำให้เว็บไซต์ถูกลดอันดับ (ranking) หรือถูกแบนออกจากการค้นหา SEO เต็ม ๆ
  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์: หากเว็บไซต์ถูกโจมตีหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ความน่าเชื่อถือของแบรนด์อาจเสียหายและส่งผลต่อธุรกิจ เรียกว่าเสียภาพลักษณ์ไปเลย
  • ความปลอดภัยของผู้ใช้งาน: การปล่อยให้มีมัลแวร์หรือเนื้อหาอันตรายในเว็บไซต์ อาจทำให้ผู้ใช้งานสูญเสียข้อมูลส่วนตัว หรือได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์
  • ผลกระทบทางกฎหมาย: ในบางกรณี การกระทำที่เกี่ยวข้องกับ Site Reputation Abuse อาจเข้าข่ายละเมิดกฎหมายหรือกฎระเบียบของในแต่ละประเทศ

ผลเสียในแต่ละข้อล้วนสำคัญและน่ากลัว ดังนั้น ไม่ควรให้เกิดขึ้นกับเว็บไซต์เราเลย ถ้าเห็นด้วย เรามาดูวิธีป้องกันกันต่อเลย

วิธีป้องกัน Site Reputation Abuse

การรักษาความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจหรือองค์กรเติบโตได้ในระยะยาว และหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก Site Reputation Abuse เราจึงขอแนะนำวิธีการป้องกันเป็น 4 ข้อ คือ

  • ปฏิบัติตามแนวทางของ Google: คืออ่านบทความจากเว็ไไซต์ที่อัพเดทด้าน SEO หรือการประกาศของ Google อย่างเช่นเว็บของเรา หรืออ่านจากเว็บ Google โดยตรง ซึ่งจะให้คำแนะนำไว้มากมาย เช่น การใช้เทคนิค SEO ที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงวิธีที่เป็น Black Hat SEO
  • ตรวจสอบเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ: ใช้เครื่องมือเช่น Google Search Console เพื่อตรวจสอบลิงก์และพฤติกรรมที่ผิดปกติ หรือจะใช้เครื่องมือที่เราจะแนะนำต่อในบทความนี้ก็ได้
  • ป้องกันมัลแวร์: อัปเดตระบบความปลอดภัยและซอฟต์แวร์เป็นประจำ เรื่องนี้หากเว็บใดใช้ CMS ก็จะพอทำได้ง่ายขึ้น
  • รายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม: หากพบว่ามีเว็บไซต์คู่แข่งหรือบุคคลพยายามโจมตี สามารถรายงานไปยัง Google ได้โดยตรง
  • สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ คือการลงทุนในการสร้างเนื้อหาที่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน และปฏิบัติตามนโยบายของ Google เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือในระยะยาวๆ
Google Search Central Blog

เครื่องมือสำหรับตรวจสอบ Site Reputation Abuse

การตรวจสอบที่ต้นฉบับโค้ด อาจเป็นเรื่องใหญ่และใช้เวลามาก ดังนั้นการใช้เครื่องมือช่วย ดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และควรใช้อย่างยิ่ง เช่น

  • Google Search Console เครื่องมือจาก Google ที่ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถติดตามประสิทธิภาพของเว็บไซต์ รวมถึงการตรวจสอบข้อผิดพลาดและปัญหาที่อาจส่งผลต่ออันดับในผลการค้นหา
  • Google Analytics อีกเครื่องมือของ Google ที่ใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์ และติดตามการเปลี่ยนแปลงของ Traffic ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบอกถึงปัญหาชื่อเสียง
  • Moz Pro เป็นเครื่องมือ SEO ที่ช่วยในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด ติดตามการจัดอันดับเว็บไซต์ และตรวจสอบ Backlink ซึ่งสามารถช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ค้นหาลิงก์ที่อาจเข้าข่าย Site Reputation Abuse
  • StatusCake เครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบสถานะและประสิทธิภาพของเว็บไซต์จากหลายจุดทั่วโลก สามารถตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ได้
  • Uptime Robot ตรวจสอบสถานะของเว็บไซต์ทุก ๆ 5 นาที และส่งการแจ้งเตือนเมื่อเกิดปัญหาหรือหยุดทำงาน
  • Gtmetrix ใช้ในการตรวจสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บและให้คะแนนประสิทธิภาพ พร้อมคำแนะนำในการปรับปรุง
  • Neil Patel SEO Analyzer เครื่องมือที่สามารถทำการ Audit คุณภาพของ On-Page SEO และแสดงประเด็นที่ควรแก้ไขเพื่อปรับปรุงอันดับในผลการค้นหา

ส่วนเว็บไซต์ใดที่ใช้ Word Press ก็อาจใช้ปลั๊กอินเหล่านี้ช่วยได้เช่นกัน (Wordfence / All In One WP Security & Firewall / WP Hide Login / WPSecurity – WordPress Vulnerability Scanner)

และนี่คือบทความที่เราอยากนำเสนอในเรื่องการปรับแต่ง SEO ด้วยการป้องกัน Google Site Reputation Abuse

Tagged in :

Nich PR Group Avatar

Nich PR

Page

ยกระดับธุรกิจด้วย Digital Marketing Innovation และการประยุกต์ใช้ AI และ SEO Solutions ที่คู่แข่งตามไม่ทัน! เว็บไซต์เพิ่มการติดอันดับและส่วนแบ่งการตลาดแข่งขันสูง มั่นคง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเสริมสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง เพื่อเป็นผู้นำในตลาดอย่างมั่นคง ร่วมเปลี่ยนแปลงอนาคตธุรกิจของคุณกับเรา วันนี้!