ถ้าจะกล่าวถึง “SEO ในยุค AI“ นั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การมาถึงของ AI ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบนิเวศของการค้นหา (Search Ecosystem) เว็บไซต์ในวันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งข้อมูลแบบหน้าเว็บเหมือนในอดีต แต่กำลังกลายเป็น “ศูนย์กลางข้อมูลที่ AI ใช้อ้างอิง” เพื่อนำไปตอบผู้ใช้ในช่องทางอื่น เช่น Search Generative Experience (SGE), ChatGPT Search, Perplexity, Bing Copilot และระบบ AI Assistant ภายในองค์กรต่าง ๆ

บทความนี้อธิบายอย่างละเอียดถึง บทบาทของเว็บไซต์ยุค AI, การเปลี่ยนของ SEO, กรณีศึกษา, และแนวทางกลยุทธ์ที่ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันในโลก AI-first search
⭐ 1. SEO ในยุค AI หรือ เว็บไซต์ยุค AI คืออะไร และทำไมจึงสำคัญ
“เว็บไซต์ยุค AI” หมายถึงเว็บไซต์ที่ไม่ได้สร้างเพื่อผู้อ่านมนุษย์อย่างเรา ๆ เท่านั้น แต่ยังต้องออกแบบเพื่อให้ AI Models ต่าง ๆ สามารถ อ่าน-เข้าใจ-ดึงข้อมูล-สรุป ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
AI เป็นตัวกลางในการเข้าถึงข้อมูลแทนมนุษย์ ผู้ใช้ไม่ได้ “ค้นหา” และคลิกเข้าเว็บเพื่อค้นหาคำตอบแบบเดิม แต่ให้ AI สรุปคำตอบให้ทันที นำไปสู่ปรากฏการณ์ Zero-click Search ที่ “ปริมาณคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ลดลง แต่ความสำคัญของข้อมูลคุณภาพในเว็บไซต์กลับเพิ่มขึ้น“
เหตุผลเชิงวิชาการที่ใช้อ้างอิง : AI รุ่นใหญ่ ๆ อย่าง GPT, Gemini, Claude ใช้วิธีประมวลผลแบบ retrieval + generation ซึ่งต้องการข้อมูลที่มีคุณภาพสูงและโครงสร้างชัดเจน ยิ่งเว็บไซต์มีโครงสร้างดีเท่าไร AI ก็ใช้เป็นฐานตอบคำถามได้ดีขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่ธุรกิจจำเป็นต้องลงทุนกับเว็บไซต์มากกว่าที่ผ่านมา
⭐ 2. การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการค้นหาในยุค AI
จาก Search → Answer → Agent
1) Search (ยุค Google แบบเดิม)
ผู้ใช้พิมพ์คำค้น → กดลิงก์ → อ่านเว็บไซต์
2) Answer (ยุค AI) – ผู้ใช้ต้องการ “คำตอบ” ไม่ใช่เว็บไซต์
AI สรุปคำตอบจากหลายเว็บ โดยผู้ใช้ไม่ต้องคลิกเอง
3) Agent (อนาคตอันใกล้)
AI จะไม่เพียงสรุป แต่ ลงมือทำแทน เช่น
- สรุปข้อมูลจากหลายเว็บ
- จองบริการ
- เปรียบเทียบราคา
- สร้างเอกสารให้
เว็บไซต์ที่ไม่มีข้อมูลคุณภาพจะไม่ถูกดึงไปใช้ในขั้นนี้เลย
⭐ 3. บทบาทใหม่ของเว็บไซต์ SEO ในยุค AI
3.1 เว็บไซต์กลายเป็น “ข้อมูลต้นทางให้ AI”
AI ต้องใช้เว็บเป็นแหล่งข้อมูลหลัก หากเว็บมีข้อมูลลึก ถูกต้อง มี Evidence ชัดเจน AI จะดึงไปใช้มากกว่าเว็บคุณภาพต่ำ
กรณีศึกษา:
Perplexity จะแสดงแหล่งอ้างอิงทุกครั้ง เว็บที่เขียนเนื้อหาลึกและมี Research ถูกดึงไปเป็น Citation บ่อยกว่าเว็บเชิงการตลาด
3.2 เว็บไซต์เป็นศูนย์กลางของแบรนด์และความน่าเชื่อถือ
แม้ AI จะตอบแทนการค้นหา แต่ผู้ใช้งานยังคงต้องการแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ และเว็บไซต์เป็นปลายทางที่รับผิดชอบข้อมูลอย่างเป็นทางการ
กรณีศึกษา:
หลายมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น Harvard, Stanford ลงทุนสร้าง AI-friendly websites โดยใช้โครงสร้างข้อมูล (Schema.org) ที่ช่วยให้ AI เข้าใจเนื้อหาได้ดี
3.3 เว็บไซต์คือ Asset ดิจิทัลที่ควบคุมได้ 100%
ต่างจาก Social Media หรือ Marketplace ที่มีความเสี่ยงถูกเปลี่ยนกฎเสมอ เว็บไซต์เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่องค์กรควบคุมได้เต็มรูปแบบ
3.4 เว็บไซต์รองรับงานอัตโนมัติ (Automation & API)
เว็บไซต์ยุค AI ไม่ใช่เพียงหน้าเว็บ แต่คือ Platform ที่เชื่อมถึง
- Chatbot
- AI Agent
- ระบบ CRM
- ระบบข้อมูลกลาง
⭐ 4. SEO ในยุค AI: จากการไล่อันดับ → การสร้างข้อมูลคุณภาพให้ AI ดึงไปใช้
ยุคเก่าเน้นการดันอันดับ Google
ยุคใหม่เน้นการทำข้อมูลให้ AI เลือกใช้อ้างอิง
สิ่งที่ AI ให้ความสำคัญ
✔ ความถูกต้อง (Accuracy)
✔ โครงสร้างข้อมูล (Structure)
✔ ความเป็นผู้เชี่ยวชาญ (Expert Authority)
✔ หลักฐาน อ้างอิง งานวิจัย (Evidence-based Content)
✔ ความเป็นต้นทาง (Originality)
⭐ 5. เว็บไซต์ดังระดับโลกพูดถึงเว็บไซต์ในยุค AI อย่างไร
Google (SGE)
Google ประกาศว่า SGE จะเน้นการดึงข้อมูลจากเว็บคุณภาพสูงและเนื้อหาเชิงผู้เชี่ยวชาญ (EEAT) มากขึ้น เพราะ AI ต้องการข้อมูลคุณภาพสูงเพื่อสร้างคำตอบ
OpenAI (ChatGPT Search)
ChatGPT Search ใช้โมเดลอ่านเว็บไซต์แบบ real-time และให้เครดิตกับเว็บอ้างอิงเสมอ เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างข้อมูลดีจะถูกอ่านง่ายกว่า
Perplexity AI
Perplexity เน้น “Answer Engine” แต่ให้ความสำคัญกับการแสดง Citation แบบโปร่งใส ส่งผลให้เว็บไซต์คุณภาพสูงได้รับการแสดงผลบ่อยขึ้น
Bing / Microsoft Copilot
Copilot ใช้ Web Indexing แบบลึก (Deep Search) ยิ่งเว็บไซต์คุณภาพดีจะถูกดึงข้อมูลไปใช้ในการตอบมากขึ้น
→ สรุป: ทุกแพลตฟอร์ม AI เน้นเว็บที่ ลึก, จริง, เชื่อถือได้, มีโครงสร้าง

⭐ 6. บทความภาษาอังกฤษ (ต่างชาติ) เกี่ยวกับ SEO ในยุค AI
ในประเด็นนี้ เราขอนำเสนอการแปลและสรุป บทความภาษาอังกฤษ (ต่างชาติ) ที่มีความน่าเชื่อถือ ร่วมกับบทวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับ SEO ในยุค AI (AI Search / GEO / AEO) ดังนี้
✅ 1) McKinsey – Winning in the Age of AI Search
New front door to the internet: Winning in the age of AI search — McKinsey
- วิเคราะห์ผลกระทบของการค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ต่อแบรนด์ และเสนอแนวทางกลยุทธ์ Generative Engine Optimization (GEO) เพื่อให้แบรนด์ “ถูกอ้างอิง”ในผลลัพธ์ AI มากขึ้น

Q: อะไรคือการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่สุดของ SEO ในยุค AI Search ตามมุมมองของ McKinsey?
A: ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องคลิกเว็บไซต์อีกต่อไป เพราะ AI ให้คำตอบแบบสรุปทันที → ส่งผลให้ organic traffic ลดลง แต่โอกาสใหม่เกิดขึ้นคือ “การถูก AI อ้างอิง (AI citations)”
Q: ธุรกิจควรโฟกัสอะไรแทน SEO แบบเดิม?
A: ต้องปรับไปสู่ GEO — Generative Engine Optimization
คือการทำให้เนื้อหาถูก AI “เลือก” ไปตอบ ไม่ใช่ถูก Google “จัดอันดับ”
Q: ปัจจัยที่ทำให้เนื้อหาถูก AI อ้างอิงมีอะไรบ้าง?
A: เนื้อหาที่
- มีความชัดเจนและอธิบายเป็นขั้นตอน
- มี authority สูง
- มีข้อมูลคุณภาพสูง พร้อม cited sources
- ตรงกับ intent เฉพาะกลุ่ม
Q: แบรนด์ควรปรับตัวอย่างไร?
A:
- สร้างเนื้อหาที่ “AI-ready”
- ทำความเข้าใจ query ใหม่แบบ natural-language
- เน้นข้อมูลเชิงลึก มากกว่า content ปริมาณเยอะ
- ทำข้อมูลรูปแบบ structured (schema ฯลฯ)
✅ 2) Research (arXiv) – Generative Engine Optimization: How to Dominate AI Search
Generative Engine Optimization: How to Dominate AI Search — งานวิจัย (arXiv) โดย Mahe Chen, Xiaoxuan Wang, Kaiwen Chen, Nick Koudas
- งานวิจัยเชิงวิชาการ เปรียบเทียบระหว่าง “AI Search (Generative)” กับการค้นหาแบบดั้งเดิม และให้กรอบกลยุทธ์ (framework) สำหรับ “GEO” (Generative Engine Optimization) เพื่อเพิ่มการมองเห็นในระบบ AI-driven search
Q: งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นปัญหาอะไรใน SEO แบบเดิม?
A: SEO แบบเดิมไม่เพียงพอในระบบค้นหาใหม่ที่ใช้ LLM เพราะ LLM ไม่อ่าน ranking แต่ “วิเคราะห์เนื้อหาแบบความหมายลึก (semantic)” และ “สังเคราะห์คำตอบเอง”
Q: แล้ว GEO แตกต่างจาก SEO อย่างไร?
A:
SEO = ทำอันดับใน search results
GEO = ทำให้ AI language model “เลือกอ้างอิงเนื้อหาเรา” ในคำตอบ
Q: ปัจจัยที่ทำให้เนื้อหาติด AI-generated answer คืออะไร?
A:
- ความกระชับ + ข้อมูลจำเป็น
- ความน่าเชื่อถือ (authority)
- ความครบถ้วนของ context
- รูปแบบเขียนที่ AI ชอบ เช่น bullet, step-by-step
Q: ผู้สร้างเนื้อหาควรทำอย่างไรตามงานวิจัย?
A:
- สร้างเนื้อหาแบบ “canonical answer”
- เขียนให้เป็นภาษาที่ LLM เข้าใจง่าย
- ใช้ข้อมูลจริง อ้างอิงได้
- แบ่งย่อหน้าให้เป็นอัลกอริทึม (structured answer)
✅ 3) Research (arXiv) – Creator-Centric GEO Framework
GEO: Generative Engine Optimization (creator-centric framework) — งานวิจัย KDD ’24 (arXiv)
- เสนอ “กรอบงานสำหรับผู้สร้างเนื้อหา” (creator-centric) เพื่อปรับแต่งคอนเทนต์ให้ถูกอ้างอิงโดย generative engines (เช่น ChatGPT, Perplexity) มากขึ้น โดยใช้แนวคิดการวัด “visibility” ใหม่ที่เหมาะกับ AI search
Q: งานวิจัยนี้ตั้งใจแก้ปัญหาอะไร?
A: นักเขียนไม่รู้ว่าควรเขียนอย่างไรให้ LLM อ้างอิงเนื้อหาของตน → งานนี้เสนอ framework เพื่อ optimize เนื้อหาให้ติด AI
Q: framework นี้มีแกนคิดหลักอะไรบ้าง?
A:
- Visibility: ความถี่ที่เนื้อหาถูกรวมในคำตอบของ AI
- Content alignment: ความสอดคล้องของเนื้อหากับ intent
- Structure optimization: การจัดเรียงข้อความให้ LLM “จับใจความ” ได้ดี
Q: key recommendation ที่สำคัญที่สุดคืออะไร?
A:
เขียนเนื้อหาให้เป็น “ต้นฉบับอ้างอิง” คือชัดเจน ครบถ้วน เหมือนเป็นคำตอบที่ดีที่สุดให้ LLM หยิบไปใช้ทันที
✅ 4) Digital Marketing Institute – How to Optimize Content for AI Search
How to Optimize Content for AI Search and Discovery — Digital Marketing Institute
- แนวทางปฏิบัติ (best practices) สำหรับการเขียนเนื้อหา, โครงสร้างบทความ, และวิธีคิดเนื้อหาให้ AI สามารถเข้าใจและดึงไปใช้ในผลลัพธ์แบบ AI-overview ได้
Q: อะไรคือความท้าทายของ AI Search สำหรับเจ้าของเว็บไซต์?
A: ผู้ใช้ไม่คลิกเว็บแล้ว → AI ดึงข้อมูลไปสรุปแทน
ดังนั้นบทความต้อง “เหมาะต่อการถูกอ่านโดย AI” ก่อน
Q: วิธีทำ Content ให้ AI เข้าใจง่ายมีอะไรบ้าง?
A:
- ใช้ภาษาชัดเจน (low-ambiguity)
- แบ่งหัวข้อให้ AI scan ได้เร็ว
- เขียนให้ตอบคำถามโดยไม่ต้องอ่านทั้งบทความ
- ใส่ keyword แบบ natural-language
Q: AI Search สนใจสิ่งใดมากที่สุด?
A: “Answer Quality”
ไม่ใช่ความยาว
ไม่ใช่จำนวน keyword
ไม่ใช่ backlink
✅ 5) A16Z – Geo Over SEO
AI Is Changing How SEO Is Done — From Links to Language Models — A16Z
- บทความวิเคราะห์แนวคิดเปลี่ยนผ่าน: จาก SEO แบบดั้งเดิม (เน้นลิงก์) ไปสู่ GEO (เน้นภาษาที่ AI เข้าใจ) — ให้มุมมองเทคโนโลยี +ธุรกิจว่าทำไม GEO สำคัญในยุค AI
Q: ทำไม A16Z บอกว่า SEO แบบเดิมกำลังหมดความสำคัญ?
A:
LLM สร้างคำตอบเอง ไม่ได้ดึงผลลัพธ์จากหน้าเว็บเป็นลำดับแบบเดิม → backlinks หมดความสำคัญมากลง
Q: แบรนด์ควรเปลี่ยน mindset อย่างไร?
A:
จาก “How to rank on Google?” → ไปสู่
“How to be cited by AI models?”
Q: A16Z เสนอให้สร้างคอนเทนต์แบบไหน?
A:
- เนื้อหาที่เป็น data-driven
- มี tone เป็น authoritative expert
- เขียนเชิงสรุปและ actionable
- โครงสร้างเหมือนบทความวิกิหรือเอกสารอ้างอิง
✅ 6) Forbes – SEO Is Dead: Welcome to GEO
SEO Is Dead: Welcome to GEO and Generative AI Search — Forbes
- แนวคิดแรง: “SEO แบบเดิมจะตาย” — บทความนี้อธิบายว่าทำไม Generative Engine Optimization (GEO) ถึงกลายเป็นสิ่งที่นักการตลาดต้องให้ความสำคัญในยุค AI Search
Q: ทำไม Forbes บอกว่า SEO เดิม “ตายแล้ว”?
A:
พื้นที่คลิกน้อยลง → การค้นหาแบบ AI overview กินพื้นที่ทั้งหมด
→ traffic หายไปจากผู้สร้างเว็บรายย่อย
Q: GEO เน้นอะไรแทน SEO แบบเดิม?
A:
- ให้ AI เข้าใจ “สาระสำคัญ”
- ให้ AI มั่นใจว่าข้อมูลของเราเชื่อถือได้
- ทำเนื้อหาแบบ expert + proof + reference
Q: สำหรับธุรกิจควรทำอะไรทันที?
A:
- ปรับบทความให้ตอบคำถามแบบทันที
- ทำ E-E-A-T ระดับสูง (Experience + Expertise + Authority + Trust)
- ทำสรุปสั้นๆ ข้างล่างบทความ (AI ชอบมาก)
✅ 7) SE Ranking – How to Optimize for AI Overviews
How to Optimize for AI Overviews: 7 Best Practices to Follow — SE Ranking
- เจาะลึกเทคนิคการปรับคอนเทนต์ให้ “ติด” ใน AI Overviews ของ Google — มีแนะแนวทางเชิงเทคนิค เช่น การทำกลุ่มคำ (clustering), โครงสร้างบทความ, การทำ schema ฯลฯ
Q: อะไรทำให้บทความถูก Google AI Overview เลือก?
A:
- Format ชัดเจน (list, steps)
- ภาษาที่ตรงกับ search intent
- เนื้อหาครบ แต่อ่านง่าย
- มี expert source
- ไม่ฟุ้ง ไม่ใส่คำซ้ำ
Q: เทคนิค 7 อย่างที่ SE Ranking แนะนำมีอะไรบ้าง?
A:
- สรุปให้ AI ดึงง่าย
- ใช้ H2/H3 ชัดเจน
- ทำ schema
- ใส่ FAQ ที่ตอบตรงคำถาม
- ใช้ภาษาง่าย ไม่กำกวม
- ใส่ตัวเลข/ข้อมูลจริง
- อัปเดตบทความเสมอ (AI ชอบข้อมูลใหม่)
✅ 8) SEO.com – What 2.3M Keywords Reveal About AI Overviews
What 2.3 Million Keywords Reveal About AI Overviews and SEO — SEO.com / WebFX
- วิเคราะห์เชิงสถิติจากคีย์เวิร์ดจำนวนมาก (2.3 ล้านคำ) เพื่อดูผลกระทบของ AI Overviews ต่ออัตราการคลิก (CTR) และวิธีการที่คอนเทนต์สามารถปรับตัวให้ถูกอ้างอิงใน AI Overviews ได้
Q: งานวิจัยจาก 2.3 ล้านคีย์เวิร์ดสรุปว่าอะไร?
A:
AI Overview แสดงผลใน 33–60% ของคำค้นบางหมวด ทำให้ CTR ของเว็บธรรมดาลดลงชัดเจน
Q: คำค้นแบบไหนมีโอกาสถูก AI Overview มากที่สุด?
A:
- คำถามเชิง how-to
- คำถามเพื่อการเปรียบเทียบ
- คำถามที่ต้องการคำสรุปเร็ว
- คำตอบที่เป็น list / step-by-step
Q: เว็บต้องปรับอย่างไร?
A:
- สร้างเนื้อหาแบบ “AI answer friendly”
- ทำข้อมูลแบบ fact-based
- อธิบายสั้น แต่ครบ
- ให้ข้อมูลเป็นโครงสร้าง (structure-first content)
⭐ 7. กรณีศึกษาที่ชัดเจนของเว็บไซต์ยุค AI
Case 1: เว็บไซต์ท่องเที่ยวคุณภาพสูงถูกใช้เป็น Citation จำนวนมากใน Perplexity
พบว่าเว็บที่มีข้อมูลเชิงลึก เช่น ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เวลาเปิด–ปิด ราคาตั๋ว มีโอกาสติด Citation สูงกว่าเว็บที่มีแต่บทความ SEO ทั่วไป
Case 2: เว็บไซต์ด้านสุขภาพที่มีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเนื้อหา ถูก AI ดึงข้อมูลบ่อยกว่าเว็บที่เขียนแบบทั่วไป
เพราะ AI ให้คะแนนสูงกับ EEAT
Case 3: สื่อข่าวที่มี Schema เต็มรูปแบบ ได้รับการแสดงผลใน SGE มากกว่า
เช่น Schema ประเภท NewsArticle, FAQ, HowTo ฯลฯ
⭐ 8. กลยุทธ์การใช้เว็บไซต์ยุค AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
✔ 1. สร้างเนื้อหาคุณภาพเชิงลึก (Deep Content)
ไม่ใช่บทความเปล่า ๆ แบบ 800 คำ แต่ต้องมีข้อมูลอิงงานวิจัย ข้อมูลจริง รูปแบบ Insight
✔ 2. ใช้โครงสร้างข้อมูล (Schema) ให้ครบ
เช่น Article, FAQ, Product, Event, Organization
ช่วยให้ AI เข้าใจข้อมูลได้แม่นยำขึ้น
✔ 3. ทำหน้า “Resource Center”
ให้เว็บไซต์เป็นฐานข้อมูลกลางที่ AI ทำ Retrieval ได้ง่าย
✔ 4. ทำเนื้อหาแบบ Evidence-based
มีสถิติ อ้างอิง แหล่งข้อมูลที่ตรวจสอบได้
✔ 5. ทำ Internal Linking อย่างมีตรรกะ
ช่วยให้ AI เข้าใจความสัมพันธ์คำอธิบายในเว็บ
✔ 6. อัปเดตข้อมูลสม่ำเสมอ
AI ให้ความสำคัญกับข้อมูลที่สดใหม่
✔ 7. สร้าง Unique Data
ข้อมูลแบบ Original เช่น ตารางเปรียบเทียบ, ผลสำรวจ, เก็บข้อมูลเอง
→ AI ชอบข้อมูลแบบนี้เพราะไม่มีที่อื่น
✔ 8. เปิด API หรือข้อมูลแบบ Machine-readable
หากองค์กรพร้อม จะเพิ่มโอกาสให้ AI อ่านข้อมูลได้โดยตรง
กรณีศึกษา SEO ในยุค AI
Healthline.com : เว็บไซต์ด้านสุขภาพอันดับสูงสุดใน Google จำนวนมาก เนื่องจาก
- ใช้ Schema Markup สำหรับ disease, symptom, medical review
- มี Topic Cluster ครอบคลุมอย่างเป็นระบบ เช่น Nutrition → Diet → Keto → Keto Food List
ผลลัพธ์: ติดอันดับคำหลักสุขภาพ >100,000 คำ และถูกนำข้อมูลไปอ้างอิงใน AI Summary บ่อยครั้ง
เว็บไซต์ท่องเที่ยวของญี่ปุ่น (Japan Travel / JNTO) : จัดโครงสร้างข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวแบบ RDF และ schema.org ทำให้ผ่านการคิวเรตเข้า Knowledge Graph ของ Google
Mayo Clinic : ถูกใช้เป็นแหล่งตอบคำถามสุขภาพโดย Google AI Overviews เพราะ
- มี citation ในบทความแต่ละบท
- ทุกบทความตรวจสอบโดยแพทย์
- มีโครงสร้างข้อมูลชัดเจน
กรมสรรพากร : AI Search มักดึงข้อมูลจากเว็บทางการเพราะเป็นแหล่งข้อมูลที่ “verified source”
⭐ โดยสรุปแล้ว: เว็บไซต์ยุค AI คือศูนย์กลางข้อมูลที่ AI เลือกใช้อ้างอิง
แม้ปริมาณคลิกจะลดลง แต่บทบาทเว็บไซต์กลับ สำคัญกว่าเดิมมาก เพราะ AI ต้องอาศัยข้อมูลคุณภาพเพื่อสร้างคำตอบ เว็บไซต์ที่ลงทุนด้านเนื้อหา โครงสร้าง และความลึกของข้อมูล จะเป็นผู้ชนะในยุค AI-first











