ถ้าวันนี้ ธุรกิจของใคร ยังไม่มีเว็บไซต์ ถือว่าช้าเกินไปสำหรับการแข่งขันในการตลาดออนไลน์ แต่ถ้าใครมีเว็บแล้ว แต่ไม่ได้พิถี พิถัน เรื่องการเลือกโฮสติ้ง โดยมุ่งไปที่ราคาเพียงอย่างเดียว ก็ถือว่าเป็นความพลาด ที่ต้องแก้ไข เช่นกัน
บทความนี้ เรามีดูเรื่องการเลือกโฮสติ้งสำหรับเว็บไซต์กัน ของฟรี ของถูก ของแพง ต่างกันอย่างไร ธุรกิจท่าน ควรเลือกอะไร
อะไรคือ “โฮสติ้ง”
Hosting (โฮสติ้ง) คือบริการที่ให้เช่าพื้นที่และทรัพยากรบนเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันออนไลน์สามารถเข้าถึงได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยผู้ให้บริการ Hosting จะจัดการเซิร์ฟเวอร์และดูแลทรัพยากรต่างๆ เช่น พื้นที่จัดเก็บข้อมูล, แบนด์วิดท์, ความปลอดภัย, และการบำรุงรักษาระบบ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
ความสำคัญของ Hosting:
- ความสามารถในการเข้าถึงเว็บไซต์:
Hosting เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถออนไลน์ได้และให้ผู้ใช้เข้าถึงได้จากทั่วโลกผ่านทางอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าผู้ใช้จะอยู่ที่ไหน ก็สามารถเข้าชมเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง - ประสิทธิภาพในการทำงานของเว็บไซต์:
ความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ขึ้นอยู่กับคุณภาพของ Hosting การเลือก Hosting ที่มีประสิทธิภาพสูงจะช่วยลดเวลาในการโหลดเว็บไซต์ เพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้ และยังส่งผลดีต่อ SEO (การจัดอันดับในผลการค้นหาของ Google) - ความปลอดภัยของข้อมูล:
Hosting มีบทบาทในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เช่น การป้องกันการถูกโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดี (DDoS attacks) การเข้ารหัสข้อมูล รวมถึงการจัดการด้านการสำรองข้อมูล (Backup) เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูล - ความสามารถในการขยายตัวของธุรกิจ:
Hosting ที่ดีช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายตัวได้ง่ายเมื่อมีผู้ใช้งานมากขึ้นหรือมีการใช้งานทรัพยากรที่สูงขึ้น การเลือกโฮสติ้งที่สามารถปรับขนาดได้ (Scalability) จะช่วยให้เว็บไซต์รองรับการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ - การจัดการทรัพยากรเว็บไซต์:
Hosting ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการทรัพยากรต่างๆ ของเว็บไซต์ได้ เช่น การเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูล การเพิ่มฐานข้อมูล การสร้างบัญชีอีเมล และการจัดการโดเมน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจออนไลน์ - ความน่าเชื่อถือ:
Hosting ที่มี uptime สูง (ความพร้อมใช้งาน) ช่วยลดโอกาสที่เว็บไซต์จะล่ม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเว็บไซต์ที่มีการเข้าชมมากหรือธุรกิจที่ต้องการให้ลูกค้าเข้าถึงบริการออนไลน์ได้ตลอดเวลา
Hosting เป็นพื้นฐานสำคัญของการดำเนินธุรกิจและการให้บริการออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ส่วนตัว, บล็อก, ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, หรือแอปพลิเคชัน
ประเภทของ hosting มีอะไรบ้าง
Web Hosting มีหลายประเภทที่เหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ดังนี้:

1. Shared Hosting
Shared Hosting คือบริการที่ผู้ใช้แชร์ทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์กับผู้ใช้คนอื่น ๆ เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กหรือเว็บไซต์ที่มีการใช้งานไม่มากนัก โดยข้อดีคือมีค่าใช้จ่ายต่ำ แต่ข้อเสียคือประสิทธิภาพอาจลดลงหากมีผู้ใช้งานมากเกินไป.
2. Virtual Private Server (VPS) Hosting
VPS Hosting ให้บริการเสมือนผู้ใช้มีเซิร์ฟเวอร์เป็นของตนเอง โดยมีการแบ่งทรัพยากรอย่างชัดเจน ทำให้เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มียอดผู้เข้าชมสูงหรือมีความต้องการใช้งานแอปพลิเคชันเฉพาะ.
3. Dedicated Server Hosting
Dedicated Server Hosting เป็นบริการที่ให้ผู้ใช้เช่าเซิร์ฟเวอร์เพียงคนเดียว เหมาะสำหรับองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการความเสถียรและความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่มีการแชร์ทรัพยากรกับผู้ใช้อื่น.
4. Reseller Hosting
Reseller Hosting เป็นบริการที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการจัดทำเว็บไซต์สำเร็จรูปเพื่อนำไปขายต่อ หรือสำหรับผู้ที่มีเว็บไซต์หลายเว็บต้องดูแล โดยสามารถแบ่งพื้นที่ให้กับลูกค้าได้.
5. WordPress Hosting
WordPress Hosting ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด อาจมีรูปแบบเป็น Shared Hosting หรือ VPS Hosting ก็ได้.
การเลือกประเภทของ Hosting ควรพิจารณาจากความต้องการในการใช้งาน ขนาดของเว็บไซต์ และงบประมาณที่มี เพื่อให้ได้บริการที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับเว็บไซต์ของตนเอง โดยอาจพิจารณาจากตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้
ตารางเปรียบเทียบประเภทของ Hosting
| ประเภทของ Hosting | ข้อดี | ข้อเสีย | เหมาะสำหรับ |
|---|---|---|---|
| Shared Hosting | – ราคาถูก | – แชร์ทรัพยากรกับผู้ใช้รายอื่น ทำให้ประสิทธิภาพลดลง | เว็บไซต์ขนาดเล็ก, ผู้เริ่มต้นใช้งานเว็บไซต์ |
| – ใช้งานง่าย ไม่ต้องมีความรู้ด้านเทคนิค | – จำกัดการควบคุมและปรับแต่งระบบ | ||
| VPS Hosting | – ควบคุมทรัพยากรได้มากขึ้น | – ราคาสูงกว่า Shared Hosting | เว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานปานกลาง, ธุรกิจขนาดเล็ก |
| – ประสิทธิภาพดีกว่า Shared Hosting | – ต้องมีความรู้ทางเทคนิคในการจัดการเซิร์ฟเวอร์ | ||
| Dedicated Hosting | – ได้ทรัพยากรทั้งหมดของเซิร์ฟเวอร์ | – ค่าใช้จ่ายสูงมาก | เว็บไซต์ที่มีการเข้าชมสูง, ธุรกิจขนาดใหญ่ |
| – ควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มที่ | – ต้องดูแลเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดด้วยตัวเอง | ||
| Cloud Hosting | – ขยายขนาดได้ตามการใช้งาน | – ราคาขึ้นอยู่กับการใช้งาน อาจสูงถ้าใช้ทรัพยากรมาก | เว็บไซต์ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง, E-commerce |
| – ไม่ต้องกังวลเรื่องการทำงานล้มเหลว | |||
| Managed Hosting | – ไม่ต้องดูแลระบบเอง | – ราคาสูงกว่าบริการทั่วไป | ผู้ที่ต้องการโฟกัสที่ธุรกิจ ไม่ต้องดูแลระบบ |
| – มีการดูแลด้านความปลอดภัยและการอัพเดตระบบให้ทั้งหมด | |||
| Reseller Hosting | – สามารถขายบริการ Hosting ต่อให้ผู้อื่นได้ | – ต้องจัดการโฮสติ้งให้กับลูกค้าเอง | ผู้ที่ต้องการเริ่มธุรกิจโฮสติ้ง |
| – เป็นช่องทางสร้างรายได้เสริม | |||
| Colocation Hosting | – ควบคุมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มที่ | – ต้องดูแลและจัดการเซิร์ฟเวอร์เองทั้งหมด | ผู้ที่ต้องการใช้ฮาร์ดแวร์ของตัวเอง |
| – ดาต้าเซ็นเตอร์ให้บริการเชื่อมต่อเครือข่ายและความปลอดภัย | – มีค่าใช้จ่ายในการวางเครื่องและดูแลในดาต้าเซ็นเตอร์ | ||
| WordPress Hosting | – ปรับแต่งมาเฉพาะสำหรับ WordPress | – ไม่เหมาะสำหรับแพลตฟอร์มอื่นที่ไม่ใช่ WordPress | ผู้ที่ใช้ WordPress สำหรับเว็บไซต์ |
| – ประสิทธิภาพดีขึ้นสำหรับเว็บไซต์ที่ใช้ WordPress |
ตารางนี้สรุปประเภทต่างๆ ของ Hosting พร้อมข้อดี ข้อเสีย และกลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะสม เพื่อช่วยในการเลือกใช้ Hosting ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด
เลือกโฮสติ้ง ฟรี กับ เสียค่าใช้จ่าย
บางคนอาจคิดว่าทางเลือกโฮสติ้ง มีทั้ง โฮสติ้งฟรี ก็มีน่ะ ทำไมจะต้องเสียเงิน เสียค่าใช้จ่าย เพื่อประกอบการติดสินใจ จึงขอนำเสนอ ตารางเปรียบเทียบ Hosting ฟรี กับ Hosting เสียค่าใช้จ่าย ในมิติต่าง ๆ ลองพิจารณากันดู

| มิติความแตกต่าง | Hosting ฟรี | Hosting เสียค่าใช้จ่าย |
|---|---|---|
| ค่าใช้จ่าย | ไม่มีค่าใช้จ่าย | มีค่าใช้จ่ายตามแผนบริการที่เลือก |
| พื้นที่จัดเก็บข้อมูล | จำกัด (เช่น 500MB – 1GB) | ขึ้นอยู่กับแผนบริการ (สามารถเลือกได้ตั้งแต่ไม่กี่ GB ไปจนถึง TB) |
| แบนด์วิดท์ | จำกัด อาจถูกจำกัดจำนวนการเข้าชมต่อเดือน | ปรับได้ตามแผนบริการ มีตัวเลือกแบนด์วิดท์สูง |
| ชื่อโดเมน | มักจะให้เป็นโดเมนย่อย เช่น yoursite.provider.com | สามารถใช้โดเมนส่วนตัวได้ เช่น yourdomain.com |
| การสนับสนุนลูกค้า | การสนับสนุนจำกัด (มักไม่มีบริการลูกค้าสดหรือมีแบบจำกัด) | มีบริการสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง และมีหลายช่องทาง |
| ประสิทธิภาพ | ต่ำกว่า เนื่องจากใช้ทรัพยากรร่วมกับผู้ใช้อื่นๆ จำนวนมาก | ประสิทธิภาพสูงกว่า เลือกแผนตามความต้องการของเว็บไซต์ |
| โฆษณา | มักมีโฆษณาของผู้ให้บริการแสดงในเว็บไซต์ | ไม่มีโฆษณาของผู้ให้บริการแสดงในเว็บไซต์ |
| ความปลอดภัย | มีระดับความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน | มีระบบความปลอดภัยสูง เช่น SSL ฟรี การสำรองข้อมูล และการป้องกัน DDoS |
| การปรับแต่ง | มีข้อจำกัดในการปรับแต่งเว็บไซต์และการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ | มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งและฟีเจอร์ตามต้องการ |
| การสำรองข้อมูล (Backup) | ไม่มีบริการสำรองข้อมูลหรือมีอย่างจำกัด | มีบริการสำรองข้อมูลอัตโนมัติและฟื้นฟูข้อมูลได้ง่าย |
| การขยายตัว | มีข้อจำกัดในการขยายทรัพยากรเมื่อเว็บไซต์เติบโต | สามารถอัปเกรดหรือปรับขยายตามความต้องการ |
| Uptime (ความเสถียร) | ไม่การันตี Uptime สูง อาจมีเว็บไซต์ล่มบ่อย | การันตี Uptime สูง (เช่น 99.9%) เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานเสถียร |
| เหมาะสำหรับ | ผู้เริ่มต้นใช้งานเว็บไซต์หรือผู้ที่ไม่ต้องการใช้งบประมาณ | ธุรกิจ, E-commerce, เว็บไซต์ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง |
ตารางนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมถึงข้อดีและข้อเสียของ Hosting ฟรี และ Hosting ที่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจเลือก Hosting ที่เหมาะสมตามความต้องการ
แล้วธุรกิจของเรา ของท่าน เหมาะกับโฮสติ้งแบบใด เว็บไซต์ เล็ก กลาง ใหญ่ จะพิจารณาอย่างไร เดี๋ยวมีคำตอบ
เว็บไซต์ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่
ตารางแสดงความแตกต่างระหว่างเว็บไซต์ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ในมิติ ต่าง ๆ
| มิติความแตกต่าง | เว็บไซต์ขนาดเล็ก | เว็บไซต์ขนาดกลาง | เว็บไซต์ขนาดใหญ่ |
|---|---|---|---|
| ปริมาณผู้เข้าชมต่อวัน | < 1,000 คน | 1,000 – 10,000 คน | > 10,000 คน |
| พื้นที่จัดเก็บข้อมูล | น้อยกว่า 1 GB | 1 – 10 GB | มากกว่า 10 GB |
| จำนวนหน้าภายในเว็บไซต์ | 1-20 หน้า | 20-100 หน้า | มากกว่า 100 หน้า |
| ประเภทเนื้อหา | ข้อความ รูปภาพขนาดเล็ก | ข้อความ, รูปภาพคุณภาพสูง, วิดีโอ | ข้อความ, วิดีโอคุณภาพสูง, แอปพลิเคชัน |
| ความต้องการทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์ | ต่ำ (CPU, RAM, แบนด์วิดท์น้อย) | ปานกลาง (ต้องการทรัพยากรเพิ่มขึ้น) | สูง (CPU, RAM, แบนด์วิดท์สูง) |
| ระบบฐานข้อมูล | ฐานข้อมูลขนาดเล็ก | ฐานข้อมูลปานกลาง | ฐานข้อมูลขนาดใหญ่หรือหลายฐานข้อมูล |
| ฟังก์ชันการทำงาน | ฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น ข้อมูลสินค้า, บล็อก | ฟังก์ชันการทำงานเพิ่มเติม เช่น อีคอมเมิร์ซ | ฟังก์ชันขั้นสูง เช่น การประมวลผลข้อมูลเรียลไทม์ |
| การปรับปรุงและดูแล | อัปเดตไม่บ่อย (ไม่จำเป็นต้องดูแลมาก) | อัปเดตปานกลาง (ต้องดูแลระบบเป็นประจำ) | อัปเดตบ่อยและมีการดูแลระบบอย่างต่อเนื่อง |
| การรองรับผู้ใช้งานพร้อมกัน | < 100 คน | 100 – 500 คน | มากกว่า 500 คน |
| การขยายตัวในอนาคต | ขยายตัวช้า (ไม่ค่อยมีความต้องการเพิ่ม) | ขยายตัวตามการเติบโตของธุรกิจ | ต้องขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รองรับการเติบโต |
| ความปลอดภัย | มาตรฐานความปลอดภัยทั่วไป | ความปลอดภัยปานกลาง | ความปลอดภัยสูง ต้องการป้องกันข้อมูลมาก |
| ต้นทุนการดำเนินการ | ต่ำ (ค่าใช้จ่ายในการโฮสต์ต่ำ) | ปานกลาง (ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามความต้องการ) | สูง (ต้องการทรัพยากรและโฮสต์ที่มีประสิทธิภาพสูง) |
ตารางนี้ช่วยให้เข้าใจความแตกต่างระหว่างเว็บไซต์ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ในด้านต่างๆ เช่น ปริมาณผู้เข้าชม การใช้งานทรัพยากร และความต้องการในการดูแลและพัฒนา
ผู้ให้บริการ Hosting ในประเทศไทย
เมื่อเรารู้เรื่องการเลือกโฮสติ้งแล้ว เรามาดูผู้ให้บริการโฮสติ้งเจ้าต่าง ๆ พอเป็นตัวอย่างในการเข้าไปศึกษาและเลือกใช้กัน
ตารางเปรียบเทียบผู้ให้บริการ Hosting ในประเทศไทย พร้อมข้อเด่นของแต่ละราย
| ผู้ให้บริการ Hosting | ข้อเด่น | ราคาต่อปี (โดยประมาณ) |
|---|---|---|
| HostAtom | – บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง – มีแพ็กเกจสำหรับผู้เริ่มต้นและธุรกิจขนาดใหญ่ | เริ่มต้นที่ 990 บาท |
| Z.com | – บริการโดเมนเนมพร้อมโฮสติ้งในแพ็กเกจเดียว – โฮสต์บนคลาวด์ที่เสถียรและเร็วมาก | เริ่มต้นที่ 1,000 บาท |
| VhostWeb | – บริการรองรับ SSD Hosting ทำให้เว็บไซต์ทำงานเร็วขึ้น – มีบริการ Back-up อัตโนมัติ | เริ่มต้นที่ 1,500 บาท |
| THAI DATA HOSTING | – รองรับทั้ง Shared Hosting และ VPS Hosting – มีศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย | เริ่มต้นที่ 1,200 บาท |
| Chaiyo Hosting | – บริการเสถียรและปลอดภัยสูง – การสนับสนุนด้วยทีมงานมืออาชีพ | เริ่มต้นที่ 1,200 บาท |
| Ruk-Com Hosting | – โฮสติ้งที่มีราคาย่อมเยา – การจัดการที่ง่ายต่อการใช้งาน | เริ่มต้นที่ 990 บาท |
| HostNeverDie | – การันตี Uptime 99.9% – รองรับระบบทั้ง Linux และ Windows | เริ่มต้นที่ 1,000 บาท |
| NetdesignHost | – ความเร็วสูง รองรับ WordPress และ E-commerce – มีบริการ Cloud Hosting | เริ่มต้นที่ 1,500 บาท |
| Nipa Cloud | – เน้นบริการ Cloud Computing และ Cloud Storage – บริการ VPS ที่สามารถปรับแต่งได้ | เริ่มต้นที่ 2,000 บาท |
| GreenGeeks Thailand | – Hosting ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม – การสนับสนุน 24/7 | เริ่มต้นที่ 1,200 บาท |
ตารางนี้เปรียบเทียบผู้ให้บริการ Hosting ในประเทศไทยที่ได้รับความนิยม โดยแสดงข้อเด่นและราคาเริ่มต้นของแต่ละผู้ให้บริการ เพื่อให้สามารถเลือกบริการที่ตรงตามความต้องการของคุณได้อย่างเหมาะสม ซึ่งรายชื่อนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีผู้ให้บริการด้านโฮสติ้งอีกจำนวนมาก สามารถค้นหาและตรวจสอบได้จากเว็บไซต์
ผู้ให้บริการฟรีโฮสติ้งในประเทศไทย
แต่ถ้าอ่านบทความนี้แล้ว ยังเห็นว่า ธุรกิจของท่าน ยังไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเลือกโฮสติ้ง ก็สามารถใช้ตารางต่อไปนี้ เลือกใช้โฮสฟรีกันได้เลย
นี่คือตารางเปรียบเทียบจุดเด่นของผู้ให้บริการฟรีโฮสติ้งในประเทศไทย
| ผู้ให้บริการ | พื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Storage) | แบนด์วิธ (Bandwidth) | รองรับ PHP/MySQL | Control Panel | ข้อจำกัด/จุดเด่น |
|---|---|---|---|---|---|
| HostNeverDie | 500 MB (ฟรี) | จำกัด (ฟรี) | รองรับ PHP, MySQL | CPanel | พื้นที่จำกัดในเวอร์ชันฟรี, รองรับ SSL ฟรี |
| FreeHost.co.th | 200 MB | จำกัด | รองรับ PHP, MySQL | Custom Panel | พื้นที่และแบนด์วิธจำกัด, ไม่มีโฆษณา |
| THAIHOSTWEB | 300 MB | 1 GB | รองรับ PHP, MySQL | DirectAdmin | รองรับ SSL ฟรี, สำหรับเว็บไซต์ไม่เพื่อการค้า |
| Serverion | 1 GB | จำกัด | รองรับ PHP, MySQL | CPanel | มี VPS ฟรีสำหรับผู้เริ่มต้น |
5 เหตุผลสำคัญในการเลือกใช้โฮสติ้งที่มีสมรรถนะสูง
การเลือกใช้โฮสติ้งที่มีสมรรถนะสูงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาและบริหารจัดการเว็บไซต์ที่มีความต้องการด้านการประมวลผลที่มากขึ้น นี่คือ 5 เหตุผลสำคัญในการเลือกใช้โฮสติ้งที่มีสมรรถนะสูง:
1. ประสิทธิภาพในการโหลดเว็บไซต์ที่รวดเร็ว
- โฮสติ้งที่มีสมรรถนะสูงสามารถให้เวลาในการโหลดหน้าเว็บที่รวดเร็วกว่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience) การโหลดช้าอาจทำให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ออกจากหน้าเว็บก่อนที่จะเห็นเนื้อหาที่ต้องการ
- ส่งผลดีต่อ SEO เพราะความเร็วในการโหลดหน้าเว็บเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์
2. ความเสถียรและการทำงานต่อเนื่อง (Uptime)
- โฮสติ้งสมรรถนะสูงมักมีระบบรองรับการทำงานที่มีเสถียรภาพมากกว่า มีการรับประกัน Uptime สูงถึง 99.9% หรือมากกว่า ซึ่งหมายความว่าเว็บไซต์ของคุณจะไม่ล่มบ่อย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา
- ระบบสำรองข้อมูลและการกู้คืนอย่างรวดเร็วในกรณีที่เกิดปัญหา
3. ความสามารถในการรองรับปริมาณทราฟฟิกสูง
- โฮสติ้งที่มีสมรรถนะสูงมักจะสามารถจัดการกับปริมาณทราฟฟิกที่เข้ามายังเว็บไซต์ได้มากกว่า โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความเร็วหรือความเสถียรของเว็บไซต์
- เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือมีการทำการตลาดที่ดึงดูดปริมาณผู้เยี่ยมชมจำนวนมากในช่วงเวลาเดียวกัน
4. ความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น
- โฮสติ้งสมรรถนะสูงมักมาพร้อมกับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งขึ้น เช่น Firewall, ระบบป้องกัน DDoS, การเข้ารหัสข้อมูล, และระบบตรวจสอบภัยคุกคามที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง
- การรักษาความปลอดภัยที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการป้องกันการโจมตีและการสูญหายของข้อมูล
5. การสนับสนุนลูกค้าระดับสูง
- ผู้ให้บริการโฮสติ้งที่มีสมรรถนะสูงมักจะมีทีมสนับสนุนที่มีความเชี่ยวชาญ และสามารถให้การช่วยเหลือที่รวดเร็วและตรงจุดเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์หรือเว็บไซต์
- การสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้มั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะได้รับการแก้ไขปัญหาในทันที
การเลือกโฮสติ้งที่มีสมรรถนะสูงเป็นการลงทุนที่ช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย
และนี่คือข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกโฮสติ้ง ที่ทาง NichPR นำมาฝาก หากต้องการคำแนะนำ หรือใช้บริการสร้างเว็บไซต์ เน้น SEO ติดต่อเรามาได้เลยครับ







