4 แผนการตลาดผสมผสาน ดิจิทัล + สื่อเดิม แถมการประเมินธุรกิจตนเอง

การตลาดผสมผสาน ดิจิทัล + สื่อเดิม
Nich PR Group Avatar

การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) การตลาดสื่อเดิม (Traditional Marketing) และแนวทางการประเมินธุรกิจตนเอง

การตลาดผสมผสานระหว่างดิจิทัลและสื่อเดิมเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในยุคปัจจุบัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภคและการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้สื่อทั้งสองประเภท—สื่อดั้งเดิม (เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์) และสื่อใหม่ (เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์)—ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างในพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนในแต่ละกลุ่ม


สื่อดั้งเดิมยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้แบรนด์ เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกัน สื่อใหม่มีความสามารถในการวัดผลและปรับกลยุทธ์ได้ทันที ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น การใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งานออนไลน์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเฉพาะเจาะจง

ารบูรณาการระหว่างสื่อเก่าและใหม่เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด ตัวอย่างเช่น การใช้โฆษณาทางโทรทัศน์เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ แล้วตามด้วยการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีขึ้น

การตลาดแบบเดิม

กรอบความคิด สำหรับการตลาดแบบเดิม

กรอบความคิดสำหรับการตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) มีหลายมิติที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือกรอบแนวคิดหลักที่ควรพิจารณา:

1. การกำหนดเป้าหมาย (Goal Setting)

  • ระบุวัตถุประสงค์: กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การเพิ่มยอดขาย, การสร้างการรับรู้แบรนด์ หรือการขยายตลาด
  • วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น อายุ, เพศ, รายได้ และพฤติกรรมการซื้อ

2. การสร้างแบรนด์ (Branding)

  • สร้างภาพลักษณ์แบรนด์: พัฒนาเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น โลโก้, สี และสโลแกน ที่สามารถสร้างความจดจำให้กับลูกค้า
  • การสื่อสารคุณค่า: สื่อสารถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

3. ช่องทางการจัดจำหน่าย (Distribution Channels)

  • เลือกช่องทางการจัดจำหน่าย: ระบุช่องทางที่เหมาะสมในการเข้าถึงลูกค้า เช่น ร้านค้าปลีก, ตัวแทนจำหน่าย, หรือออนไลน์
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพของช่องทาง: ตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการจัดส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. การส่งเสริมการขาย (Promotion)

  • กลยุทธ์การโฆษณา: ใช้สื่อโฆษณาต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์, วิทยุ, หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
  • กิจกรรมส่งเสริมการขาย: จัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การลดราคา, คูปอง, หรือของแถม เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้า

5. การวัดผลและปรับปรุง (Measurement and Improvement)

  • ติดตามผลลัพธ์: ใช้เครื่องมือในการวัดผลลัพธ์จากแคมเปญการตลาด เช่น ยอดขาย, จำนวนลูกค้าใหม่, หรือความพึงพอใจของลูกค้า
  • ปรับกลยุทธ์ตามข้อมูลที่ได้: วิเคราะห์ข้อมูลและผลลัพธ์เพื่อนำไปปรับปรุงกลยุทธ์ในอนาคต

เครื่องมือที่แนะนำ

  1. แบบสอบถามและสำรวจ: ใช้ในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจและความคิดเห็นของลูกค้า
  2. เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล: เช่น Google Analytics สำหรับติดตามผลลัพธ์ออนไลน์
  3. ระบบ CRM (Customer Relationship Management): เพื่อจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าและติดตามข้อมูลลูกค้า

กรอบแนวคิดเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดแบบดั้งเดิมที่มีประสิทธิภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม.


การตลาดดิจิทัล

กรอบความคิด สำหรับการตลาดดิจิทัล

กรอบความคิดสำหรับการตลาดดิจิทัลสามารถแบ่งออกเป็นหลายมิติที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นี่คือกรอบแนวคิดหลักที่ควรพิจารณา:

1. การวางแผน (Plan)

  • กำหนดเป้าหมาย: ระบุวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น การเพิ่มยอดขาย, การสร้างการรับรู้แบรนด์ หรือการเพิ่มผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย
  • วิเคราะห์ตลาด: ศึกษาแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการและปัญหาที่ลูกค้าต้องการแก้ไข

2. ช่องทางการเข้าถึง (Reach)

  • เลือกช่องทาง: ระบุช่องทางที่เหมาะสมในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เช่น โซเชียลมีเดีย, อีเมล, หรือเว็บไซต์
  • สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า: พัฒนาเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น บทความ, วิดีโอ, หรืออินโฟกราฟิก

3. การกระตุ้น (Act)

  • กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ: ใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น โปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ
  • สร้างความสัมพันธ์: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของลูกค้า เช่น การให้ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าประจำ หรือการจัดกิจกรรมออนไลน์

4. การแปลง (Convert)

  • ทำให้เกิดการซื้อ: ใช้กลยุทธ์ที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เช่น การออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย หรือการชำระเงินที่สะดวก
  • ติดตามผล: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบอัตราการแปลงและปรับปรุงตามข้อมูลที่ได้รับ

5. การรักษาความสัมพันธ์ (Engage)

  • สร้างความภักดี: สร้างโปรแกรมสมาชิกหรือสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ
  • รับฟังความคิดเห็น: เปิดช่องทางให้ลูกค้าสามารถแสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสินค้าและบริการ

เครื่องมือที่แนะนำ

  • Google Analytics: สำหรับติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์
  • Social Media Platforms: ใช้ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและเผยแพร่เนื้อหา
  • Email Marketing Tools: สำหรับส่งข่าวสารและโปรโมชั่นไปยังกลุ่มเป้าหมาย

กรอบแนวคิดเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและดำเนินกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมุ่งเน้นที่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและเพิ่มยอดขายในระยะยาว


เปรียบเทียบกรอบความคิด สำหรับการตลาดแบบเดิม และการตลาดแบบดิจิทัล

ประเด็นการตลาดแบบเดิม (Traditional Marketing)การตลาดแบบดิจิทัล (Digital Marketing)
ช่องทางการสื่อสาร– สื่อแบบออฟไลน์ เช่น โทรทัศน์, วิทยุ, หนังสือพิมพ์, ป้ายโฆษณา, นิตยสาร– สื่อออนไลน์ เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, อีเมล, การค้นหาผ่าน Google, โฆษณาออนไลน์
การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย– มักใช้การสื่อสารแบบกว้าง เช่นโฆษณาทางโทรทัศน์ที่ออกอากาศสู่คนจำนวนมาก
– การวัดผลยากและไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ในทันที
– การสื่อสารแบบเจาะจง เช่นการใช้โฆษณาที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายตามอายุ, พฤติกรรม, สถานที่
– การวัดผลและปรับเปลี่ยนได้แบบเรียลไทม์
งบประมาณ– มักใช้งบประมาณสูงเพราะต้องลงทุนในสื่อขนาดใหญ่และการผลิต เช่น การทำโฆษณาทางทีวี
– การลงโฆษณาต้องทำในครั้งใหญ่ๆ หรือตามรอบการผลิตสื่อ
– งบประมาณยืดหยุ่น สามารถเริ่มต้นด้วยงบประมาณน้อยและปรับขยายได้ตามผลลัพธ์
– การลงโฆษณาสามารถเลือกช่วงเวลาหรือปรับตามงบประมาณในแต่ละวัน
การโต้ตอบกับลูกค้า– สื่อสารทางเดียว ไม่สามารถโต้ตอบหรือปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้าได้ทันที
– การวัดผลต้องรอข้อมูลจากการสำรวจ เช่นการทำแบบสอบถาม
– สื่อสารสองทาง ลูกค้าสามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้ทันที เช่น ผ่านคอมเมนต์หรือการแชร์
– การวัดผลมีความแม่นยำ เช่นการติดตามจำนวนการคลิก การเข้าชมเว็บไซต์
การวัดผล– การวัดผลลัพธ์ทำได้ยาก ต้องใช้เวลา เช่น การสำรวจการรับรู้แบรนด์หรือยอดขายหลังการทำแคมเปญ– สามารถวัดผลแบบเรียลไทม์ได้ เช่น การใช้ Google Analytics ติดตามพฤติกรรมการใช้งาน
กลุ่มเป้าหมาย– กลุ่มเป้าหมายกว้าง ไม่มีความสามารถในการปรับแต่งการสื่อสารให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มได้– กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ สามารถกำหนดและปรับแต่งตามข้อมูลประชากรหรือพฤติกรรมได้อย่างแม่นยำ
เนื้อหา– เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาแบบคงที่ เช่นโฆษณาที่เผยแพร่ซ้ำๆ บนสื่อที่กำหนด– เนื้อหาแบบไดนามิก เช่น บทความในบล็อก, วิดีโอที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามกระแส
ระยะเวลา– แคมเปญใช้เวลานาน ต้องมีการวางแผนล่วงหน้าและอาจใช้เวลานานในการเผยแพร่– แคมเปญใช้เวลาน้อย ปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว และตอบสนองตามสถานการณ์ได้แบบทันที
การสร้างความสัมพันธ์– การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าทำได้ยาก อาศัยการออกสื่อบ่อยๆ เพื่อสร้างการรับรู้– การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าทำได้ง่าย เช่น การตอบสนองทันทีในโซเชียลมีเดีย หรือการใช้อีเมลติดตามผล
ขอบเขตการทำงาน– มักเป็นการตลาดในพื้นที่ หรือจำกัดตามขอบเขตภูมิภาคที่สื่อนั้นๆ เข้าถึงได้– ขอบเขตกว้างขวาง เข้าถึงผู้คนทั่วโลกผ่านช่องทางออนไลน์

ข้อสรุป

  • การตลาดแบบเดิม เน้นการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างและการสร้างแบรนด์แบบคงที่ แต่ยากในการวัดผลและปรับเปลี่ยนแคมเปญในทันที
  • การตลาดแบบดิจิทัล มีความยืดหยุ่นสูง สามารถวัดผลและปรับกลยุทธ์ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมการเข้าถึงลูกค้าได้แบบเฉพาะเจาะจง

แผนการตลาดแบบผสมผสาน

เราใช้ 4 กลยุทธ์สำหรับ 4 กลุ่มผู้ประกอบการ ผู้ใช้สื่อออนไลน์ สร้างตัวตน ต่อยอดให้ร้านค้าหรือธุรกิจ คือ

  • Plan 1. : Start สำหรับร้านขนาดเล็ก/เริ่มการตลาดออนไลน์ใหม่ ใช้กลยุทธ์ “รูปสวย รีวิวเสมอ ค้นเจอในแผนที่ ”
  • Plan 2. : Small สำหรับ ธุรกิจครัวเรือน การตลาดออนไลน์ใหม่ ใช้กลยุทธ์ “รู้เขา รู้เรา รู้ Ads”
  • Plan 3. : mini SME สำหรับ SME แข่งขันต่ำ-ปานกลาง การตลาดออนไลน์ใหม่ ใช้กลยุทธ์ “รู้ทันกลุ่มเป้าหมาย ใช้ CRM”
  • Plan 4. : SME สำหรับ SME แข่งขันสูง การตลาดออนไลน์ใหม่ ใช้กลยุทธ์ “ปิดทุก Gap เปิดทุกช่องสื่อสาร”

ขั้นตอนการดำเนินการ

  • 1) รู้จักวิเคราะห์และวางแผน วิเคราะห์/วางแผน ตลาดออนไลน์ เพื่อการแข่งขัน
  • 2) รู้จักใช้คอนเทนต์อย่างสร้างสรรค์ สร้างสรรค์คอนเทนต์ เช่น บทความ ภาพ เสียง วีดีโอ
  • 3) รู้จักใช้โซเชียลและการโฆษณา ปรับแต่งให้เหมาะสมกับโซเชียลแต่ละประเภท สร้าง / ปรับแต่ง โซเชียล เผยแพร่คอนเทนต์ วิเคราะห์เพจตนเอง เปรียบเทียบเพจคู่แข่ง ใช้กลยุทธ์ทำโฆษณาและวิเคราะห์ผลลัพธ์
  • 4) พัฒนา SEO วิเคราะห์ Keyword สร้างเว็บ Sale Page ปิดการขาย ทำ SEO
  • 5) สื่อสารฉับไว สร้าง Line OA เต็มฟีเจอร์ และ
  • 6) เข้าใจการสื่อสารของลูกค้า โฆษณา วิทยุ FM เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทื่ใช้ชีวิตแบบโซเชียล เข้าไม่ถึง

Tagged in :

Nich PR Group Avatar

Nich PR

Page

ยกระดับธุรกิจด้วย Digital Marketing Innovation และการประยุกต์ใช้ AI และ SEO Solutions ที่คู่แข่งตามไม่ทัน! เว็บไซต์เพิ่มการติดอันดับและส่วนแบ่งการตลาดแข่งขันสูง มั่นคง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเสริมสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง เพื่อเป็นผู้นำในตลาดอย่างมั่นคง ร่วมเปลี่ยนแปลงอนาคตธุรกิจของคุณกับเรา วันนี้!