การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) การตลาดสื่อเดิม (Traditional Marketing) และแนวทางการประเมินธุรกิจตนเอง
การตลาดผสมผสานระหว่างดิจิทัลและสื่อเดิมเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในยุคปัจจุบัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภคและการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้สื่อทั้งสองประเภท—สื่อดั้งเดิม (เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์) และสื่อใหม่ (เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์)—ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างในพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนในแต่ละกลุ่ม
สื่อดั้งเดิมยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้แบรนด์ เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกัน สื่อใหม่มีความสามารถในการวัดผลและปรับกลยุทธ์ได้ทันที ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น การใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งานออนไลน์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเฉพาะเจาะจง
การบูรณาการระหว่างสื่อเก่าและใหม่เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด ตัวอย่างเช่น การใช้โฆษณาทางโทรทัศน์เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ แล้วตามด้วยการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีขึ้น
การตลาดแบบเดิม
กรอบความคิด สำหรับการตลาดแบบเดิม
กรอบความคิดสำหรับการตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) มีหลายมิติที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือกรอบแนวคิดหลักที่ควรพิจารณา:
1. การกำหนดเป้าหมาย (Goal Setting)
- ระบุวัตถุประสงค์: กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การเพิ่มยอดขาย, การสร้างการรับรู้แบรนด์ หรือการขยายตลาด
- วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น อายุ, เพศ, รายได้ และพฤติกรรมการซื้อ
2. การสร้างแบรนด์ (Branding)
- สร้างภาพลักษณ์แบรนด์: พัฒนาเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น โลโก้, สี และสโลแกน ที่สามารถสร้างความจดจำให้กับลูกค้า
- การสื่อสารคุณค่า: สื่อสารถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
3. ช่องทางการจัดจำหน่าย (Distribution Channels)
- เลือกช่องทางการจัดจำหน่าย: ระบุช่องทางที่เหมาะสมในการเข้าถึงลูกค้า เช่น ร้านค้าปลีก, ตัวแทนจำหน่าย, หรือออนไลน์
- ปรับปรุงประสิทธิภาพของช่องทาง: ตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการจัดส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. การส่งเสริมการขาย (Promotion)
- กลยุทธ์การโฆษณา: ใช้สื่อโฆษณาต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์, วิทยุ, หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
- กิจกรรมส่งเสริมการขาย: จัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การลดราคา, คูปอง, หรือของแถม เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้า
5. การวัดผลและปรับปรุง (Measurement and Improvement)
- ติดตามผลลัพธ์: ใช้เครื่องมือในการวัดผลลัพธ์จากแคมเปญการตลาด เช่น ยอดขาย, จำนวนลูกค้าใหม่, หรือความพึงพอใจของลูกค้า
- ปรับกลยุทธ์ตามข้อมูลที่ได้: วิเคราะห์ข้อมูลและผลลัพธ์เพื่อนำไปปรับปรุงกลยุทธ์ในอนาคต
เครื่องมือที่แนะนำ
- แบบสอบถามและสำรวจ: ใช้ในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจและความคิดเห็นของลูกค้า
- เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล: เช่น Google Analytics สำหรับติดตามผลลัพธ์ออนไลน์
- ระบบ CRM (Customer Relationship Management): เพื่อจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าและติดตามข้อมูลลูกค้า
กรอบแนวคิดเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดแบบดั้งเดิมที่มีประสิทธิภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม.
การตลาดดิจิทัล
กรอบความคิด สำหรับการตลาดดิจิทัล
กรอบความคิดสำหรับการตลาดดิจิทัลสามารถแบ่งออกเป็นหลายมิติที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นี่คือกรอบแนวคิดหลักที่ควรพิจารณา:
1. การวางแผน (Plan)
- กำหนดเป้าหมาย: ระบุวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น การเพิ่มยอดขาย, การสร้างการรับรู้แบรนด์ หรือการเพิ่มผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย
- วิเคราะห์ตลาด: ศึกษาแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการและปัญหาที่ลูกค้าต้องการแก้ไข
2. ช่องทางการเข้าถึง (Reach)
- เลือกช่องทาง: ระบุช่องทางที่เหมาะสมในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เช่น โซเชียลมีเดีย, อีเมล, หรือเว็บไซต์
- สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า: พัฒนาเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น บทความ, วิดีโอ, หรืออินโฟกราฟิก
3. การกระตุ้น (Act)
- กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ: ใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น โปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ
- สร้างความสัมพันธ์: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของลูกค้า เช่น การให้ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าประจำ หรือการจัดกิจกรรมออนไลน์
4. การแปลง (Convert)
- ทำให้เกิดการซื้อ: ใช้กลยุทธ์ที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เช่น การออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย หรือการชำระเงินที่สะดวก
- ติดตามผล: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบอัตราการแปลงและปรับปรุงตามข้อมูลที่ได้รับ
5. การรักษาความสัมพันธ์ (Engage)
- สร้างความภักดี: สร้างโปรแกรมสมาชิกหรือสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ
- รับฟังความคิดเห็น: เปิดช่องทางให้ลูกค้าสามารถแสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
เครื่องมือที่แนะนำ
- Google Analytics: สำหรับติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์
- Social Media Platforms: ใช้ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและเผยแพร่เนื้อหา
- Email Marketing Tools: สำหรับส่งข่าวสารและโปรโมชั่นไปยังกลุ่มเป้าหมาย
กรอบแนวคิดเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและดำเนินกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมุ่งเน้นที่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและเพิ่มยอดขายในระยะยาว
เปรียบเทียบกรอบความคิด สำหรับการตลาดแบบเดิม และการตลาดแบบดิจิทัล
ตารางเปรียบเทียบกรอบความคิดสำหรับการตลาดแบบเดิมและการตลาดแบบดิจิทัล
| ประเด็น | การตลาดแบบเดิม (Traditional Marketing) | การตลาดแบบดิจิทัล (Digital Marketing) |
|---|---|---|
| ช่องทางการสื่อสาร | – สื่อแบบออฟไลน์ เช่น โทรทัศน์, วิทยุ, หนังสือพิมพ์, ป้ายโฆษณา, นิตยสาร | – สื่อออนไลน์ เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, อีเมล, การค้นหาผ่าน Google, โฆษณาออนไลน์ |
| การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย | – มักใช้การสื่อสารแบบกว้าง เช่นโฆษณาทางโทรทัศน์ที่ออกอากาศสู่คนจำนวนมาก – การวัดผลยากและไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ในทันที | – การสื่อสารแบบเจาะจง เช่นการใช้โฆษณาที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายตามอายุ, พฤติกรรม, สถานที่ – การวัดผลและปรับเปลี่ยนได้แบบเรียลไทม์ |
| งบประมาณ | – มักใช้งบประมาณสูงเพราะต้องลงทุนในสื่อขนาดใหญ่และการผลิต เช่น การทำโฆษณาทางทีวี – การลงโฆษณาต้องทำในครั้งใหญ่ๆ หรือตามรอบการผลิตสื่อ | – งบประมาณยืดหยุ่น สามารถเริ่มต้นด้วยงบประมาณน้อยและปรับขยายได้ตามผลลัพธ์ – การลงโฆษณาสามารถเลือกช่วงเวลาหรือปรับตามงบประมาณในแต่ละวัน |
| การโต้ตอบกับลูกค้า | – สื่อสารทางเดียว ไม่สามารถโต้ตอบหรือปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้าได้ทันที – การวัดผลต้องรอข้อมูลจากการสำรวจ เช่นการทำแบบสอบถาม | – สื่อสารสองทาง ลูกค้าสามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้ทันที เช่น ผ่านคอมเมนต์หรือการแชร์ – การวัดผลมีความแม่นยำ เช่นการติดตามจำนวนการคลิก การเข้าชมเว็บไซต์ |
| การวัดผล | – การวัดผลลัพธ์ทำได้ยาก ต้องใช้เวลา เช่น การสำรวจการรับรู้แบรนด์หรือยอดขายหลังการทำแคมเปญ | – สามารถวัดผลแบบเรียลไทม์ได้ เช่น การใช้ Google Analytics ติดตามพฤติกรรมการใช้งาน |
| กลุ่มเป้าหมาย | – กลุ่มเป้าหมายกว้าง ไม่มีความสามารถในการปรับแต่งการสื่อสารให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มได้ | – กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ สามารถกำหนดและปรับแต่งตามข้อมูลประชากรหรือพฤติกรรมได้อย่างแม่นยำ |
| เนื้อหา | – เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาแบบคงที่ เช่นโฆษณาที่เผยแพร่ซ้ำๆ บนสื่อที่กำหนด | – เนื้อหาแบบไดนามิก เช่น บทความในบล็อก, วิดีโอที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามกระแส |
| ระยะเวลา | – แคมเปญใช้เวลานาน ต้องมีการวางแผนล่วงหน้าและอาจใช้เวลานานในการเผยแพร่ | – แคมเปญใช้เวลาน้อย ปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว และตอบสนองตามสถานการณ์ได้แบบทันที |
| การสร้างความสัมพันธ์ | – การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าทำได้ยาก อาศัยการออกสื่อบ่อยๆ เพื่อสร้างการรับรู้ | – การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าทำได้ง่าย เช่น การตอบสนองทันทีในโซเชียลมีเดีย หรือการใช้อีเมลติดตามผล |
| ขอบเขตการทำงาน | – มักเป็นการตลาดในพื้นที่ หรือจำกัดตามขอบเขตภูมิภาคที่สื่อนั้นๆ เข้าถึงได้ | – ขอบเขตกว้างขวาง เข้าถึงผู้คนทั่วโลกผ่านช่องทางออนไลน์ |
ข้อสรุป
- การตลาดแบบเดิม เน้นการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างและการสร้างแบรนด์แบบคงที่ แต่ยากในการวัดผลและปรับเปลี่ยนแคมเปญในทันที
- การตลาดแบบดิจิทัล มีความยืดหยุ่นสูง สามารถวัดผลและปรับกลยุทธ์ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมการเข้าถึงลูกค้าได้แบบเฉพาะเจาะจง
แผนการตลาดแบบผสมผสาน
เราใช้ 4 กลยุทธ์สำหรับ 4 กลุ่มผู้ประกอบการ ผู้ใช้สื่อออนไลน์ สร้างตัวตน ต่อยอดให้ร้านค้าหรือธุรกิจ คือ
- Plan 1. : Start สำหรับร้านขนาดเล็ก/เริ่มการตลาดออนไลน์ใหม่ ใช้กลยุทธ์ “รูปสวย รีวิวเสมอ ค้นเจอในแผนที่ ”
- Plan 2. : Small สำหรับ ธุรกิจครัวเรือน การตลาดออนไลน์ใหม่ ใช้กลยุทธ์ “รู้เขา รู้เรา รู้ Ads”
- Plan 3. : mini SME สำหรับ SME แข่งขันต่ำ-ปานกลาง การตลาดออนไลน์ใหม่ ใช้กลยุทธ์ “รู้ทันกลุ่มเป้าหมาย ใช้ CRM”
- Plan 4. : SME สำหรับ SME แข่งขันสูง การตลาดออนไลน์ใหม่ ใช้กลยุทธ์ “ปิดทุก Gap เปิดทุกช่องสื่อสาร”
ขั้นตอนการดำเนินการ
- 1) รู้จักวิเคราะห์และวางแผน วิเคราะห์/วางแผน ตลาดออนไลน์ เพื่อการแข่งขัน
- 2) รู้จักใช้คอนเทนต์อย่างสร้างสรรค์ สร้างสรรค์คอนเทนต์ เช่น บทความ ภาพ เสียง วีดีโอ
- 3) รู้จักใช้โซเชียลและการโฆษณา ปรับแต่งให้เหมาะสมกับโซเชียลแต่ละประเภท สร้าง / ปรับแต่ง โซเชียล เผยแพร่คอนเทนต์ วิเคราะห์เพจตนเอง เปรียบเทียบเพจคู่แข่ง ใช้กลยุทธ์ทำโฆษณาและวิเคราะห์ผลลัพธ์
- 4) พัฒนา SEO วิเคราะห์ Keyword สร้างเว็บ Sale Page ปิดการขาย ทำ SEO
- 5) สื่อสารฉับไว สร้าง Line OA เต็มฟีเจอร์ และ
- 6) เข้าใจการสื่อสารของลูกค้า โฆษณา วิทยุ FM เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทื่ใช้ชีวิตแบบโซเชียล เข้าไม่ถึง







