Google Search Essentials เป็นส่วนสำคัญของสิ่งที่ทำให้เนื้อหาบนเว็บ (หน้าเว็บ รูปภาพ วิดีโอ หรือสื่ออื่นๆ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะซึ่ง Google พบบนเว็บ) มีสิทธิ์แสดงและติดอันดับที่ดีใน Google Search ที่ได้กล่าวไว้ในต้น ๆ เรื่องของ Google Search Central ที่เราเคยพูดถึงมาแล้ว เป็นชุดของแนวทางและข้อกำหนดที่ Google กำหนดขึ้นเพื่อช่วยให้เว็บไซต์ต่างๆ มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้มากที่สุด เป็นการอัปเดตและเปลี่ยนชื่อจาก Google Webmaster Guidelines ซึ่งถูกใช้มานานกว่า 20 ปี เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของเว็บในปัจจุบันมากขึ้น
มี 3 ประเด็นที่ควรให้ความสนใจ (Components of Google Search Essentials) คือ
- ข้อกำหนดทางเทคนิค: สิ่งที่ Google ต้องการจากหน้าเว็บเพื่อแสดงใน Google Search
- นโยบายสแปม: พฤติกรรมและกลยุทธ์ที่อาจทำให้การจัดอันดับต่ำลงหรือไม่แสดงในผลการค้นหาของ Google อย่างสิ้นเชิง
- แนวทางปฏิบัติแนะนำที่สำคัญ: สิ่งสำคัญที่จะช่วยปรับปรุงลักษณะที่เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของ Google

1. ข้อกำหนดทางเทคนิค (Technical Requirements)
ข้อกำหนดทางเทคนิคมีรายละเอียดขั้นต่ำที่ Google Search ต้องการจากหน้าเว็บเพื่อให้ได้แสดงในผลการค้นหา อันที่จริงแล้วคุณเพียงแค่ต้องดำเนินการเล็กๆ น้อยๆ ทางเทคนิคบนหน้าเว็บ เว็บไซต์ส่วนใหญ่ผ่านข้อกำหนดทางเทคนิคโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
- Don’t block Googlebot: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Googlebot สามารถเข้าถึงและค้นหาเว็บไซต์ของคุณได้.
- Make sure your page works: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า URL ของคุณไม่ส่งผลให้เกิดการแสดงข้อผิดพลาด.
- Your content must be indexable: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาของคุณเป็นไฟล์ประเภทที่ Google สนับสนุนและไม่ละเมิดนโยบายสแปม
2. นโยบายสแปม (Spam Policies)
นโยบายสแปมจะแสดงรายละเอียดพฤติกรรมและกลยุทธ์ที่อาจทำให้หน้าเว็บหรือทั้งเว็บไซต์อยู่ในอันดับที่ต่ำลงหรือไม่แสดงใน Google Search เลย เว็บไซต์ที่มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาและประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้ รวมถึงยึดมั่นในหลักการของเรามีแนวโน้มที่จะทำงานได้ดีในผลการค้นหาของ Google Search
ตัวอย่างของสแปมรวมถึง:
- เนื้อหาซ้ำซ้อน
- Keyword stuffing
- สร้างลิงก์ปลอม
- การหลอกลวงผู้ใช้
- การโฆษณาที่หลอกลวง
3. แนวทางปฏิบัติแนะนำที่สำคัญ (Best Practices)
แม้ว่าจะมีการดำเนินการหลายอย่างที่คุณทำได้เพื่อปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์ แต่ก็มีแนวทางปฏิบัติหลัก 2-3 อย่างที่อาจส่งผลมากที่สุดต่อการจัดอันดับและลักษณะที่เนื้อหาเว็บปรากฏใน Google Search ดังนี้
- สร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์ น่าเชื่อถือ และคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก
- ใช้คำที่ผู้คนจะใช้ค้นหาเนื้อหาของคุณแล้วแสดงคำเหล่านั้นในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดบนหน้าเว็บ เช่น ชื่อและส่วนหัวหลักของหน้า รวมถึงสถานที่อื่นๆ ที่ให้รายละเอียด เช่น ข้อความแสดงแทนและข้อความลิงก์
- ทำให้ลิงก์เป็นลิงก์ที่สามารถ Crawl ได้เพื่อให้ Google พบหน้าอื่นๆ ในเว็บไซต์ของคุณผ่านลิงก์บนหน้าเว็บ
- บอกผู้ใช้เกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ แสดงตัวในชุมชนต่างๆ พร้อมบอกให้ผู้คนที่สนใจทราบเกี่ยวกับบริการและผลิตภัณฑ์ที่คุณพูดถึงบนเว็บไซต์
- หากมีเนื้อหาอื่นๆ เช่น รูปภาพ, วิดีโอ, Structured Data และ JavaScript ให้ตรวจสอบว่าคุณได้ทำตามแนวทางปฏิบัติแนะนำที่เฉพาะเจาะจงเหล่านั้นเพื่อที่เราจะได้เข้าใจส่วนเนื้อหาเหล่านั้นในหน้าเว็บของคุณด้วยเช่นกัน
- ปรับปรุงลักษณะที่เว็บไซต์ปรากฏใน Google Search โดยการเปิดใช้ฟีเจอร์ที่เหมาะกับเว็บไซต์
- หากมีเนื้อหาที่ไม่ควรปรากฏในผลการค้นหาหรือต้องการเลือกไม่ใช้ทั้งหมด ให้ใช้วิธีที่เหมาะสมในการควบคุมลักษณะที่เนื้อหาของคุณปรากฏใน Google Search
Google Search Essentials มีผลต่ออันดับเว็บไซต์
การปฏิบัติตาม Google Search Essentials มีผลต่ออันดับเว็บไซต์ในหลายๆ ด้าน
ปรับปรุงการมองเห็น (Visibility) ใน Google Search
- เมื่อคุณปฏิบัติตามแนวทาง Google Search Essentials เว็บไซต์ของคุณจะถูก Googlebot เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งหมายความว่า Google สามารถรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนี (index) หน้าเว็บไซต์ของคุณได้อย่างถูกต้อง ทำให้เว็บไซต์ปรากฏในผลการค้นหาบ่อยขึ้น
เพิ่มโอกาสในการจัดอันดับสูงขึ้น
- Google ให้ความสำคัญกับคุณภาพและประสบการณ์ที่เว็บไซต์มอบให้กับผู้ใช้ ดังนั้น การปฏิบัติตาม Search Essentials ซึ่งรวมถึงการสร้างเนื้อหาคุณภาพและการทำให้เว็บไซต์เป็นมิตรกับมือถือ (mobile-friendly) จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสจัดอันดับสูงขึ้น
- เนื้อหาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา (relevance) มีความสำคัญมาก การปรับเนื้อหาตามแนวทางเหล่านี้ช่วยให้ Google เข้าใจเว็บไซต์และจัดอันดับได้อย่างเหมาะสม
การหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก Google
- หากเว็บไซต์ของคุณไม่ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติพื้นฐาน เช่น การมีเนื้อหาที่หลอกลวงหรือมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน (เช่น การใช้ลิงก์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ, การใช้คีย์เวิร์ดมากเกินไป) อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกลงโทษ (penalize) โดย Google ไม่ว่าจะเป็นการลดอันดับหรือถูกลบออกจากดัชนีของ Google ทั้งหมด
- Search Essentials แนะนำวิธีหลีกเลี่ยงการทำ SEO ที่ผิดกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามแนวทางของ Google เช่น การทำ Black Hat SEO หรือการใช้เนื้อหาสแปม
ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience)
- Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ดี ดังนั้น Search Essentials จะชี้ให้คุณเห็นถึงปัจจัยที่มีผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ เช่น ความเร็วในการโหลดหน้า (page speed), ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์มือถือ (mobile-friendliness), และการจัดโครงสร้างเว็บไซต์อย่างมีระเบียบ ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์ของคุณถูกประเมินในทางบวกจาก Google
- หากผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณแล้วมีประสบการณ์ที่ดี เช่น การโหลดหน้าเว็บรวดเร็วและง่ายต่อการนำทาง โอกาสที่จะได้อันดับที่ดีขึ้นก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ
- หนึ่งในข้อสำคัญของ Google Search Essentials คือการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ซึ่งเน้นให้ผู้เขียนเนื้อหาต้องเน้นที่ความเกี่ยวข้อง ความเป็นต้นฉบับ และคุณค่า (value) ที่มอบให้แก่ผู้ใช้ Google จะให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ทำให้มีโอกาสได้รับการจัดอันดับสูงกว่าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่ไม่สมบูรณ์หรือมีคุณภาพต่ำ
- นอกจากนี้ การมีความน่าเชื่อถือและการแสดงถึงความเชี่ยวชาญของผู้เขียนเนื้อหา (ซึ่งเชื่อมโยงกับหลักการ E-E-A-T) ยังมีผลสำคัญต่ออันดับของเว็บไซต์เช่นกัน








